เรากำลังอยู่ในยุคที่คนขายสินค้า หรือเจ้าของแบรนด์ อยากจะให้แบรนด์ของตัวเองถูกพูดถึงบนอินเทอร์เน็ตแบบกว้างขวางกระจายไวๆ เร็วๆ หรือเป็น ‘ไวรัล‘ นั่นเอง หนทางสู่การเป็นไวรัลนั้นมีหลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการทำอินเทอร์เน็ตฟิล์ม หรือไวรัลคลิปโดยให้โปรดัคชั่นเฮาส์ช่วยสร้างขึ้นมา
แต่การทำอินเตอร์เน็ตฟิล์ม ให้เกิดไวรัลนั้นมันไม่ง่าย และมีอะไรหลายอย่างมากๆ ที่ลูกค้าควรจะรู้ ซึ่งเรื่องนี้ควรจะต้องเป็นประสบการณ์ของคนที่ทำงานสายนี้ตรงๆ เท่านั้นที่รู้ ในงาน Bloggers Bootcamp ‘วิชัย มาตกุล’ Creative Director และ ‘ธนชาติ ศิริภัทราชัย’ Director แห่งโปรดัคชั่นเฮ้าส์ที่กวนตีนที่สุดในย่านรัชดาซอย 3 ‘Salmon House’ มาเป็นวิทยากรคุยเรื่อง ‘ผลิตคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ’
จังหวะนี้แหละ Mango Zero เลย ชวนทั้งคู่มาแบ่งปันประสบการณ์ให้ลูกค้าทั้งหลายรู้ และเข้าใจก่อนที่จะจ้างเอเจนซี่ โปรดักชั่น หรือใครก็ตาม ที่จะส่งให้สินค้าคุณให้เป็นไวรัลบนอินเทอร์เน็ตสมใจ ซึ่งนี่คือ 5 คำแนะนำน่ารักๆ จากพวกเขาในฐานะตัวแทนของโปรดักชั่นเฮาส์ รุ่นใหม่ อยากจะบอก
1.ไวรัลคลิปแก้ปัญหาไม่ได้ทุกอย่าง
ธนชาติ : ลูกค้าต้องรู้ก่อนว่าตัวเองมีปัญหาอะไรที่อยากจะแก้ และบางปัญหาอย่าฝากความหวังไว้ที่ไวรัลคลิป หรืออินเทอร์เน็ตฟิล์มว่ามันจะช่วยได้ ถ้าคลิปดังแล้วจะแก้ปัญหาได้หมดเลยซึ่งเราว่ามันไม่ใช่นะ
บางทีอาจต้องปรับแผนการตลาด positioning ของสินค้า หรือราคา อินเตอร์เน็ตฟิล์มเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งในแผนการตลาดของคุณเท่านั้น มันไม่ใช่แอคชั่นรีเพลย์ที่ใช้ไวรัลคลิปปุ๊บทุกอย่างมันจะดี
วิชัย : ใช่ เราเป็นแค่หนึ่งเครื่องมือที่จะทำให้คุณไปถึงวัตถุประสงค์ที่คุณหวังได้ ดังนั้นตอบได้เลยว่าไวรัลแก้ไม่ได้ทุกอย่าง ไม่ใช่ดูวีดีโอปุ๊บ เหี้ย! ยอดพุ่งเลย
2. ทำงานไวรัลต้องใช้ ‘เวลา‘
วิชัย : ทำงานแบบนี้มันยากนะ ขอเวลาให้เราหน่อย ทำไมคนชอบคิดว่าไวรัลมันทำง่าย ใช้เวลาน้อย ทั้งที่จริงๆ ควรให้เวลานะ ประมาณสองเดือนกำลังน่ารัก แต่ถ้าจ้างภายในเดือนนึงนี่…จัดว่านรก!
เราต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อทำงานนี้งานเดียวเลยนะ ทำบทอาทิตย์นึง ขายอาทิตย์นึง นี่ครึ่งเดือนแล้วนะ อาทิตย์นึงเตรียมงาน อีกอาทิตย์นึงโปรดัคชั่น โหดร้ายมาก
ธนชาติ : ต้องทำความเข้าใจใหม่ว่าไวรัลไม่ใช่อะไรที่ทำง่ายๆ ไวๆ ถูกๆ แล้วแต่มันคือฟิล์มตัวหนึ่ง ดังนั้นต้องใช้เวลาหน่อยสองเดือนกำลังน่ารัก
วิชัย : เราเคยดีลกับลูกค้าไม่ได้ด้วยเรื่องเวลานี่แหละ ลูกค้ามาถึงบอกจะเอาจะเอา ครั้งนึงอยากทำทีวีซี ให้เวลาเราสามสัปดาห์เราซึ่งเท่ากับว่า เย็นวันนั้นที่รับบรีฟ เราต้องมีบทไปส่งเลย และวันรุ่งขึ้น เราควรจะได้นักแสดงเลย โอ้ย เรียกว่า เสกแล้ว! งานนั้นทำไม่ได้จริงๆ
อีกอย่างทำวิดีโอคลิป ถ้าคุณอยากจะได้งานดีๆ นี่แพงนะ เพราะมู้ดแอนท์โทนทั้งหมด มันสะท้อนความเป็นแบรนดิ้งของคุณเหมือนกัน มันหมดยุคแล้วว่าไวรัลคลิปต้องถูกมันฉะนั้นมีเวลา มีเงินมีแผนที่ดี ก็ทำให้หนังมันได้ทำงานตามที่คิด
3.โปรดัคชั่นเฮาส์เสกไม่ได้ทุกอย่าง
ธนชาติ : แซลมอน เฮ้าส์ มีแนวที่เราไม่ถนัดเหมือนกัน แต่เราพยายามทำงานหลายๆ แบบ เราจะไม่บอกว่าแซลมอน เฮ้าส์ ทำงานได้เฉพาะกวนตีนๆ นะ เราทำได้หลายแนว ดราม่า ตลก หนังชีวิต ปรัชญาความคิด ได้หมด แต่มันก็ทำไม่ได้บางอย่างเช่นขายของจ๋าๆ นี่ทำไม่ได้ (หัวเราะ)
วิชัย : คำว่า ‘ทำไม่ได้’ ไม่ได้หมายถึงว่ากูมีศักดิ์ศรีที่จะไม่ทำนะ (หัวเราะ) อะไรที่ได้เงินเยอะ เราก็อยากทำหมดแหละ (หัวเราะ) แต่ทำไม่ได้หมายถึงเราไม่ถนัด เราว่าโปรดัคชั่นเฮาส์ แต่ละที่ก็จะมีงานที่ไม่ถนัดแตกต่างกัน
ลูกค้าต้องหาให้ถูกงาน คุณเลือกช็อปได้นะว่าจะให้ใครทำ แค่ศึกษางานจากเฮาส์นั้นๆ โทรไปขอตัวอย่างงานมาดูก่อนแล้วก็ค่อยว่ากันว่าถูกจริตกับสิ่งที่คุณต้องการไหม
4. ทำงานไปด้วยกัน
ธนชาติ : เราอยากทำงานไปด้วยกันกับลูกค้า และอยากให้เชื่อใจกัน อย่ามองว่าเราคือคนที่คุณจ้างมาแล้วต้องทำตามใจคุณ แต่ให้มองว่าคุณจ้างเรามาเพราะจะได้ทำงานไปด้วยกัน พัฒนาด้วยกัน
วิชัย : ก่อนจะจ้างสำคัญที่สุดคือบอกปลายทางให้ถูกว่าอยากจะไปสุดที่ไหน ไม่ว่าจ้างให้โปรดัคชั่นส์เฮาส์เจ้าไหนทำก็ตาม objective สำคัญที่สุด เช่นมีขั้นตอนในการไปถึงวัตถุประสงค์ที่ต้องการ 8 ขั้นตอน บางทีลูกค้าบอกขั้นตอนที่ 8 มาให้เราได้เลย เดี๋ยว 1 – 7 ผมเป็นคนเสนอได้ไหมแล้วเรามาหาตรงกลางด้วยกัน
อย่างงานเพียวริคุ นี่แฮปปี้มาก ลูกค้าช่วยเราทำงานด้วยกัน มันไม่ใช่การที่ลูกค้าต้องฟังเฮาส์อย่างเดียว หรือเฮาส์ต้องทำตามลูกค้าอย่างเดียวนะ เราว่ามันช่วยกันว่ะ ถ้าเรายึด objective ที่จะไปด้วยกันได้แล้วเนี่ย มันจะเกิดการยอมกันเกิดขึ้นระหว่างทางกันเอง พราะทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน
5. อย่าเปลี่ยนโจทย์กลางทาง
ธนชาติ : สิ่งที่เราสรุปไปแล้วไม่ควรบิดเพิ่มเพราะตอนแรกที่คุณให้ใบสั่งอาหารเรามา เราไปช็อปเมนูมาแล้ว วัตถุดิบพร้อมแล้ว เราออกแบบดีไซน์อาหารแล้ว เริ่มผัดหมู ใส่ผักลงไปในกะทะแล้ว
อยู่ๆ มาขอเพิ่มวัตถุดิบกลางทางมันจะไม่ใช่เมนูนั้นแล้ว บางทีเราโดนเพิ่มโจทย์ก็บอกเลยว่าทำให้ไม่ได้แล้ว บทมันเสร็จหมดแล้วเพิ่มไม่ได้จริงๆ ขอให้เข้าใจ
วิชัย : คือเราไม่ได้ทำหนังโฆษณา TVC ที่มันไม่ต้องมีตรรกะอะไรเลยก็ได้ คุณจะแก้บทให้คนเดินออกมาจากตู้เย็นก็ได้ แต่นี่คืออินเตอร์เน็ตฟิล์ม มันเป็นบทหนังแล้วมันจะมีตรรกะของมัน
อยู่ดีๆ พี่มาเพิ่มแบบ คุณวิชัยพี่ขอให้ตัวนี้ตายหน่อยสิ มันไม่ได้อ่ะ (หัวเราะ) เราเขียนบทมาแล้ว คุณต้องรู้ว่าคุณอยากได้อะไรตั้งแต่แรก แล้วเราจะทำงานง่าย และลูกค้าก็จะได้สิ่งที่ต้องการ
—————
คุยไปคุยมาวิชัย กับเบนซ์ ติดลมเลยขอเพิ่มอีก อ่ะ…ไม่อยากจะตัดด้วยก็ต่อไปอีกให้ครบ 11 ข้อเลยแล้วกัน
—————
6. Corporate Identity ลดหน่อยก็ได้
วิชัย : อยากจะบอกมากเลยว่า CI เนี่ย…ลดหน่อยก็ได้ไม่ต้องพูดถึงมันเยอะไป เราเคยทำโฆษณาตัวหนึ่งซึ่งเขาต้องการให้พระเอกใส่เสื้อผ้าสี CI ซึ่งมันเป็นสีที่มนุษย์เขาไม่ใส่กันเว้ย (หัวเราะ) พอมันไม่จริงคนดูไม่เชื่อ
ยกตัวอย่างโฆษณาเนสท์เล่ เราสองคนอยากกวนตีนคนดู เพราะคนดูและลูกค้ามักจะมีภาพจำว่า ไวรัลคลิปเนี่ย สินค้าต้องมาโชว์ตอนท้ายเท่านั้นนะ แต่เรื่องนั้นเรากวนตีนด้วยการใส่ Packshot (ชิ้นสินค้าที่ต้องการขาย) มาตั้งแต่วินาทีแรกเลย
แต่เราขึ้นโปรดัคมาด้วยท่าทีเป็นหนังสั้น คนก็ไม่รู้ว่ามันคือโฆษณา กระทั่งแบรนดิ้งขึ้นนั่นแหละคนถึงรู้ว่าโฆษณาไอติม แต่ช็อตแรกแกะซอง เห็นแพ็ค เห็นของ ลูกค้าถามเลยว่าเล่นงี้เลยเหรอ
เราบอกเลยว่าเล่นแบบนี้แหละ เพราะมันธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่ง CI มากก็ทำให้คนดูจำได้ คนไม่รู้สึกว่าเป็นโฆษณา เรารู้สึกว่า CI ใดๆ มีก็ได้ แต่ไม่ต้องหนา
7.ล้อตัวเองบ้างก็ได้
วิชัย : พอสินค้าคุณเป็นมนุษย์มากๆ คุณจะรู้ว่ามนุษย์คิดอย่างไรกับแบรนด์คุณ ถ้าคุณยอมเอาตัวคุณไปอยู่ตรงนั้นได้ คนจะรักแบรนด์คุณมาก เช่นโฆษณาเนสท์เล่ จิกกัดตัวเองคนดูก็ชอบมาก ตอนแรกที่เอาไอเดียจิกกัดตัวเองไปขายลูกค้าไม่เข้าใจ
แต่สุดท้ายลูกค้ายอม ตอนที่หนังออกมาทีมนั้นก็ชอบหนังเรื่องนั้นมาก มันใหม่ดี สินค้าของเขาไม่เคยมีการจิกกัดตัวเอง สินค้าตัวอื่นก็ไม่เคยจิกกัดตัวเองเหมือนกัน มันเป็นมนุษย์มากๆ
ธนชาติ : เราไม่อยากให้เก๊กมาก มีความเป็นมนุษย์ที่สุด มีความจริงที่สุดนั่นแหละ
8. อย่ากังวลเรื่องความยาวของคลิป
ธนชาติ : ลูกค้ามีความกังวลเรื่องเวลาของอินเทอร์เน็ตฟิล์มมาก ชอบบอกว่าประมาณว่าห้านาทีเลยเหรอ ขอสองนาทีแล้วห้าวินาทีแรกสตั๊นเลยได้ไหม ซึ่งระยะเวลาของคลิปไม่จริงเสมอไปที่ต้องสั้นคนถึงจะดู
มันถูกพิสูจน์มาแล้วในหลายคลิปว่าโฆษณาบางตัว 21 นาที บางตัว 10 นาทีแต่มันโคตรสนุกคนก็ดูจนจบ มันไม่ได้อยู่ในเวลาแต่อยู่ที่บทว่าดึงคนได้ไหวไหม อย่าดูแค่ความสั้นยาว
วิชัย : บางครั้งลูกค้าจะมีไอเดียว่าหนังโฆษณาสามสิบวินาที คัตดาวท์ออกเหลือสิบห้าวินาทีได้ไหม เหมือนที่ทีวีซี ทำได้ แต่นี่มันคือโครงสร้างหนังมันเป็นบทมาแล้ว แต่ลูกค้าหลายเจ้าจะไปแอบคัตดาวท์ ออกเองเราว่าเขาไม่ได้ทำได้แค่ส่งข้อความไปบอกว่าหนังมันไม่ทำงานว่ะพี่ คนดูมันแทบจะไม่รู้เรื่องแล้วนะ
แต่ถ้าพี่อยากขายของบอกเราตั้งแต่ต้นเลยว่าอยากได้เวอร์ชั่นสามสิบวินาทีด้วย เคยเจอหนังยาวห้านาที คัดออกเหลือสามสิบวินาที มันจะไปรู้เรื่องได้ไงวะ เพราะโครงสร้างบทคือเกริ่น คลุก จบ นี่มันตัดออกขายของเลยจะเอาอะไรไปรู้เรื่อง คนก็จะมาด่าว่าทำหนังอะไรทำไมไม่รู้เรื่องสรุปเราก็เสียเขาก็เสียหนัง
9. อย่าตัดสินหนังผ่านสตอร์รี่บอร์ด
วิชัย : เรามีปัญหามากในการเล่าหนังด้วยสตอร์รี่บอร์ดให้ลูกค้าเข้าใจ โปรดัคชั่นเฮาส์ ไม่ใช่นักเล่าเรื่องทุกคน เวลาเราไปเล่าสตอร์รี่บอร์ดมันไม่สนุกนะ มันคือกรอบรูป 12 กรอบที่คุณต้องเล่าหนังทั้งเรื่อง
ตอนเราไปขายโฆษณานึงเราต้องจิ้มเลยว่าซีนที่ 8 มันจะตลกนะ ซีนที่ 3 จะขำมาก แล้วมันงี่เง่ามาก สตรอ์รี่บอร์ดไม่มีดนตรี ไม่มีหน้านักแสดง เมจิกโมเมนท์มันยังไม่โผล่ตรงนั้น ฉะนั้นรอก่อนอย่าเพิ่งตัดสินเรา
ธนชาติ : เราก็ย้ำเขานะว่าหนังเราตลกนะ แต่มันตลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมกันของหนัง มีการตัดต่อมันมีเสียง มีหน้าตานักแสดงมันไม่ใช่การเล่าปากเปล่า หนังตลกมันคนละแบบกับเรื่องตลก แล้วมันไม่ได้ตลกก๊ากแต่มันกวนตีน
10.อินเทอร์เน็ตฟิล์ม กับทีวีซี ไม่เหมือนกัน
ธนชาติ : อินเทอร์เน็ตฟิล์ม กับทีวีซีคนละแบบกันเลย งานที่อยู่ในโลกของอินเทอร์เน็ต มันจะแชร์หรือไม่อย่างแรกคนดูต้องชอบลองนึกว่าหน้าวอลล์คือกำแพงบ้านเขา สิ่งที่เขาจะเอาไปแปะมันต้องให้ความบันเทิง หรือสะท้อนตัวตนของเขาได้ บนเน็ตอย่าทำอะไรซ้ำกับทีวีซี เขาหนีมาอินเทอร์เน็ตเพราะหนีทีวีซี
จะบอกว่าห้ามขายก็ไม่ใช่ ทุกอย่างมันมาขายได้นะ แต่ต้องมาในท่าทีที่ถูกต้อง ลูกค้าจะติดความเนี๊ยบ เช่นทำไมห้องพระเอกรกจัง เอ้า! ก็มันเป็นเด็กมัธยมที่มันไม่ค่อยสนใจตัวเองเท่าไหร่ มันไม่ใช่ห้องอีเกียนะ ไม่ต้องเนี๊ยบไม่ต้องใส่สูทคุยกัน
วิชัย : ลูกค้าต้องเปิดใจ และเข้าใจวัตถุประสงค์ของเขาว่าต้องชัดมาก อย่างโฆษณาเพียวริคุ มันโจทย์ชัดมากคือ ‘จงเป็นตัวของตัวเอง‘ เราจะบิดยังไงก็ได้ภายในวัตถุประสงค์นี้เพราะยังอยู่ในสิ่งที่เขาต้องการ คำว่า ‘อย่าให้ใครสอนวิธีเป็นตัวของตัวเอง‘ ในหนังมันก็ตอบวัตถุประสงค์เขาอยู่ ดังนั้นระหว่างทางเขาซื้อไอเดียแล้ว เรื่องนี้เรากับเบนซ์พิสูจน์แล้วว่าลูกค้าไม่ต้องกลัวว่าคนดูจะดูไม่รู้เรื่องในหนังโฆษณาเพียวริคุ
ถ้าพี่ที่เป็นเจ้าของสินค้าไม่เข้าใจมันก็ถูกแล้ว พราะผมไม่ได้ทำหนังให้พี่ดู ผมทำหนังให้ลูกค้าพี่ดู ฉะนั้นพี่ต้องวางตัวพี่ลง มันจะมีลูกค้าแบบคนดูจะดูรู้เรื่องไหม ผมบอกว่าคนดูมันดู Interstellar รู้เรื่องก็ดูหนังเราก็รู้เรื่อง (หัวเราะ)
สรุปทำคอนเทนต์ให้มันสนุกโดย เนื้อเรื่องของคอนเทนต์มันสะท้อน หรือเล่าคอนเซ็ป หรือไอเดียสินค้าของคุณให้ได้ นั่นแหละคือแก่นของอินเทอร์เน็ตฟิล์ม
ธนชาติ : สิ่งที่เราอยากให้ลูกค้าเข้าใจที่สุดก็คือเข้าใจลูกค้าของเขานั่นแหละ ลูกค้าเป็นวัยรุ่นเขาน่าจะดูหนังมากกว่าคุณอีกดังนั้นอย่าไปตัดสินงานโดยที่เขาเป็นเขา แต่ลูกค้าต้องสวมบทบาทผู้บริโภคแล้วมาคุยกับเราดีกว่าก่อนจะตัดสินงานเราเพียงเพราะเขาดูแล้วไม่เข้าใจและไม่อิน
11. อย่าหวังถูกหวย
วิชัย: พวกเราจะกลัวลูกค้าที่มาขอให้มี ‘คำฮิตๆ’ ซึ่งแบบมันคือการซื้อหวยมากๆ อ่ะ นี่มันยิ่งกว่าการทำให้คลิปเป็นไวรัลล้านวิวซะอีก มันไม่มีใครสามารถออกแบบหรือทำนายได้หรอกว่า ไอ้คำไหนมันจะถูกรับเชิญให้เป็น meme หรือคำฮิตหรอกครับ