หลังจากที่ NESCAFÉ เค้าได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ NESCAFÉ GOLD CREMA กาแฟระดับพรีเมี่ยม ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ผลิตกาแฟระดับซูเปอร์พรีเมี่ยมในอังกฤษ และฝรั่งเศส ให้กาแฟผงละเอียดสีทอง พร้อมฟองกาแฟเครมมาละมุนในทุกแก้ว เอาใจคอกาแฟที่หลงใหลในความแตกต่างโดยเฉพาะ
ซึ่งในครั้งนี้ทางเนสกาแฟ โกลด์ เครมมา ได้จัด Workshop สนุกๆ พร้อมสาระความรู้ดีๆ ให้เราได้ทำความรู้จักกับกาแฟระดับพรีเมี่ยมจริงๆ มากขึ้น ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกเมล็ด การคั่ว ไปชนถึงการชง ทำให้เราได้ทราบถึงการเดินทางสุดพิถีพิถันกว่าจะมาเป็น เนสกาแฟ โกลด์ เครมมา ทางทีมงาน Mango Zero ได้เก็บเรื่องราวและความรู้ที่น่าสนใจมากฝากกันดังนี้
1. รู้จักกับ Crema ในแก้วกาแฟ
องค์ประกอบของการแฟนั้นมาจาก กลิ่น รสชาติ สีสันหน้าตา โดย Crema (เครมมา) หรือฟองกาแฟละเอียดสีทอง–น้ำตาล ที่เราจะเห็นลอยอยู่ด้านบนของกาแฟหลังจากชงเสร็จ เจ้า Crema ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของกาแฟที่บอกว่ากาแฟมีความสดใหม่มากน้อยแค่ไหน ถ้ากาแฟที่มีอายุมากๆ ตั้งแต่ประมาณ 1-2 เดือนขึ้นไป หรือเก็บรักษาไม่ดี เวลาชงเราจะแทบไม่ได้เห็น Crema ขึ้นมาเลย
และที่ต้องเล่ามายืดยาวขนาดนี้ ก็เพื่อที่จะบอกว่า เนสกาแฟ โกลด์ เครมมา เค้าใช้เทคโนโลยีพิเศษล่าสุดเหมือนที่ใช้ผลิตกาแฟระดับซูเปอร์พรีเมี่ยมในอังกฤษและฝรั่งเศส ที่ทำให้การชงกาแฟมี Crema อยู่ด้านบนด้วยนั่นเอง เรียกว่าเป็นจุดเด่นสำคัญของ เนสกาแฟ โกลด์ เครมมา เลย
2. การคั่วเมล็ดกาแฟคือการกำหนดรสชาติ
ปัจจัยที่สำคัญลำดับต้นๆ ที่ทำให้ได้กาแฟที่ดีที่สุดในโลก หรือกาแฟที่แย่ที่สุดในโลก ก็วัดกันที่ขั้นตอนการคั่วนี่แหละครับ คือต้องทำอย่างพิถีพิถันโดยผู้เชี่ยวชาญ เพราะต้องใช้อุณหภูมิความร้อน กับระยะเวลาที่พอเหมาะเป๊ะๆ ถึงจะได้กาแฟคุณภาพตามที่ต้องการ ซึ่งเนสกาแฟ โกลด์ เครมมา ถูกคั่วในระดับมีเดียม ดาร์ค โรสต์ จึงให้รสเข้มของกาแฟได้ดี
รสชาติของกาแฟตั้งต้นนั้นคือรสชาติเปรี้ยว พอคั่วไปเรื่อยๆ รสชาติจะสวนทางกับรสขม คือ รสเปรี้ยวจะลดลง จะมีรสขมเข้ามา และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือ “กลิ่น” สำหรับกลิ่นนั้นจะพีคสุดระหว่างจุดตัดของรสชาติเปรี้ยวและขม กราฟจะเป็นรูประฆังคว่ำดังภาพด้านบน
ดังนั้นแล้ว เราต้องการกาแฟลักษณะไหน รสขมแค่ไหน รสเปรี้ยวแค่ไหน กลิ่นหอมแค่ไหน ก็จะต้องหยุดการคั่วให้ถูกเวลานั่นเอง โดยเนสกาแฟ โกลด์ เครมมา นี้ความพิเศษอยู่ที่การคั่วในระดับมีเดียม ดาร์ค โรสต์ ให้รสชาติและกลิ่นหอมที่เต็มรสกาแฟ แต่มีสัมผัสนุ่มละมุน
3. ที่มาของสุดยอดความหอมของกาแฟ
เวลาที่เราเดินเข้าร้านกาแฟสด ตอนเราสั่งกาแฟสักแก้ว สิ่งหนึ่งที่เราต้องเห็นอย่างแน่นอนคือการบดกาแฟ แกร่กๆๆๆ ต่อหน้าเรา เพราะการบดกาแฟคือการ Unlock กลิ่นที่อยู่ในเมล็ดกาแฟให้ระเบิดออกมา
เราต้องบดตอนที่เราจะทานทันที กลิ่นหอมจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน นี่คือสเน่ห์ของกาแฟสด ซึ่งการบดเองก็เป็นกระบวนการที่สำคัญในการปล่อยกลิ่นหอมของกาแฟ
ซึ่งเนสกาแฟ โกลด์ เครมมา เองเค้ามีเทคโนโลยีการบดที่ละเอียดกว่ากาแฟสำเร็จรูปทั่วไป เรียกว่า Super Fine Powder ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเนสกาแฟ ซึ่งการที่เค้าผลิตผงกาแฟได้ละเอียดมากกว่าชาวบ้านเขาเนี่ยเพราะมีกาแฟคั่วบดละเอียด10 เท่าทำให้ได้กลิ่นที่เป็นจุดเด่นของกาแฟถูกปลดปล่อยออกมาได้มากที่สุด
เทคโนโลยีสุดล้ำที่ เนสกาแฟ โกลด์ เครมมา ใช้ในการเก็บกลิ่น เค้าให้ลองเปรียบเทียบกับน้ำมันตับปลาที่มีผิวเคลือบด้านนอกอยู่ เมื่อผงกาแฟสัมผัสกับน้ำร้อน ผิวที่เคลือบอยู่ก็จะหายไป และกลิ่นหอมจะระเบิดออกมา
4. Robusta vs Arabica
หลายคนอาจจะเคยเดินเข้าร้านกาแฟแล้วเห็นป้ายที่เค้าแปะประมาณว่า ใช้กาแฟ Robusta หรือบางร้านก็จะเป็น Arabica เคยสงสัยไหมครับ ว่าทั้งสองสายพันธุ์มีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วรสชาติที่เราชอบนั้นเป็นแบบไหน
เริ่มจากสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากสุดอย่าง Robusta มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศในแถบเอธิโอเปียก่อนที่จะแพร่หลายในแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศที่ส่งออกกาแฟ Robusta มากที่สุดคือประเทศเวียดนามนั่นเอง
สายพันธุ์ Arabica จะมาจากบริเวณที่ราบสูงของเอธิโอเปีย ใช้พื้นที่ปลูกมาก แต่ให้ผลผลิตที่น้อยกว่า และใช้เวลานานกว่า เติบโตได้ดีในที่สูงและอากาศเย็นเท่านั้น ปัจจุบันกาแฟ Arabica ที่ส่งออกจะมาจากประเทศบาซิล
มาถึงรูปลักษณ์ภายนอกของเมล็ดกาแฟ ถ้าใครเคยได้เห็นเมล็ดก่อนนำไปบด จะสังเกตได้ว่าเมล็ดกาแฟ Robusta จะกลมๆ ส่วน Arabica เค้าจะเรียวยาวกว่า
มาว่าถึงเรื่องรสชาติกันบ้าง สำหรับความเข้มจะยกให้ Robusta เลยครับ คาเฟอีนจะเยอะกว่า เข้มกว่า บ้านเราจะชอบกาแฟที่เข้มๆ กาแฟ Robusta จึงค่อนข้างเป็นที่นิยม สำหรับ Arabica นั้นจะมีจุดเด่นที่ความหอม ความนุ่มที่มากกว่า
เทรนด์ของการทำกาแฟสำเร็จรูปบ้านเรานั้นจะเป็นส่วนผสมของทั้งสองสายพันธุ์ โดยจะมี Robusta ในปริมาณที่มากกว่า เพื่อความเข้มของกาแฟอย่างที่หลายคนชอบ และเพิ่มความหอมจากสายพันธุ์ Arabica ซึ่งส่วนหนึ่งของความแตกต่างในแต่ละยี่ห้อก็มาจากสัดส่วนที่ใช้แต่ละสายพันธุ์ไม่เท่ากันนั่นเอง
แต่สำหรับเนสกาแฟ โกลด์ เครมมา ความพิเศษคือผสานด้วย Arabica จากเทือกเขาสูงทางภาคเหนือของไทย คั่วบดละเอียดกว่า 10 เท่า! จึงให้กลิ่นหอมยิ่งขึ้น
5. อย่างไรถึงเรียกว่า Perfect Shot
พูดถึงการชงกาแฟ Espresso ด้วยการใช้แรงดันหรือเครื่องชงกาแฟสดตามร้านให้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ดึงจุดเด่นของเมล็ดกาแฟออกมาได้มากที่สุด ทั้งกลิ่นหอม รสชาติ และสีสันหน้าตา หรือที่เรียกว่า Perfect Shot นั้น ทราบกันไหมครับว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ Espresso Shot นั้นเรียกว่า Perfect Shot ได้
ในงานเวิร์คช็อปนี้ เนสกาแฟ โกลด์ เครมมา เค้าได้เชิญ คุณตี๋ แชมป์ลาเต้อาร์ตระดับประเทศมาให้ความรู้ถึงวิธีการชงกาแฟให้เพอร์เฟค ซึ่งได้ความรู้มาว่า Crema ที่เป็นฟองละเอียดสีทองลอยอยู่ด้านบน Espresso Shot
ซึ่งปริมาณและความหนาของ Crema จะขึ้นอยู่กับความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟเป็นหลัก รวมไปถึงสายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟด้วย และแน่นอนว่าเนสกาแฟ โกลด์ เครมมา พระเอกของเราในวันนี้ เมื่อชงแล้วก็มีฟองกาแฟเครมมาละมันอยู่ในทุกแก้ว การันตีได้ถึงคุณภาพระดับพรีเมี่ยมจริงๆ
สำหรับ NESCAFÉ GOLD CREMA ตอนนี้เค้าก็มีวางขายแล้วที่ร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าทั่วไป ลองไปดื่มด่ำกันได้ ใน 4 ขนาด อันได้แก่
- แบบขวด ขนาดบรรจุ 100 กรัม ราคา 140 บาท
- แบบขวด ขนาดบรรจุ 200 กรัม ราคา 245 บาท
- แบบซอง ขนาดบรรจุ 100 กรัม ราคา 125 บาท
- แบบซอง ขนาดบรรจุ 35 กรัม ราคา 49 บาท