งานแต่งงานของเรา หลายคนเข้าใจว่ามันคืองานแห่งความสุข มีหลายขั้นตอน และมีหลายสิ่งที่ถูกจัดขึ้นเพื่อคู่บ่าวสาวโดยเฉพาะ แต่หลายท่านที่ยังไม่เคยผ่านงานแต่งงานมาก่อน หรือกำลังวางแผนที่จะจัดงานแต่งงานในเร็วๆ นี้
ขอบอกว่านี่คือ 5 สิ่งที่คุณอาจคาดไม่ถึง เป็นสิ่งที่พ่อแม่ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงภูมิใจนำเสนอ เพื่อให้งานแต่งงานของคุณครั้งนี้ ไม่เป็นได้เป็นงานแต่งงานสำหรับพวกคุณสองคนอีกต่อไป ไป ไป ไป~
1.ฤกษ์ดี หม่ามี๊กา
หากเป็นวัยรุ่นยุคใหม่ การจะจัดงานแต่งขึ้น คุณอาจจะคิดว่าแค่คุณกับแฟนสะดวกวันไหน หาวันลาและจองสถานที่ให้ทันก็คงเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่เลย คุณยังขาดฤกษ์มงคลงานแต่งที่ผ่านการตะเตรียมโดยหม่อมแม่ของคุณ
ซึ่งขั้นตอนในการหาฤกษ์ค่อนข้างซับซ้อน ต้องนำชื่อ และวันเดือนปีเกิดของทั้งบ่าวสาวไปให้ผู้เชี่ยวชาญผูกดวงและคำนวนหาฤกษ์ที่ดีที่สุด บ่อยครั้งฤกษ์ที่เราได้มามักไปตรงกับฤกษ์ของคู่บ่าวสาวอื่นทั้งประเทศ
ไม่ได้วันที่กระชั้นชิดสุด ก็ต้องเว้นช่วงไปหลายปี (คาดว่าอ้างอิงฤกษ์จากแหล่งที่มาเดียวกันทั้งหมด) ทำให้ไอ้ฤกษ์สะดวกเราทั้งหลายที่คู่บ่าวสาวเตรียมไว้ เป็นอันต้องจบลงโดยไม่ทันเริ่มเกมด้วยซ้ำ
2 การ์ดเชิญถูกใจ ชื่อต้องใส่ให้ครบ
นอกจากเราต้องเหนื่อยในการออกแบบการ์ดเชิญงานแต่งแล้ว การพิมพ์ชื่อบนซองก็เป็นอะไรที่ปวดหัวไม่แพ้กัน เนื่องจากพ่อแม่ของเราซีเรียสในการสะกดชื่อบนซองให้ถูกต้องแม่นยำเป็นอย่างสูงมาก พิมพ์ชื่อผิด ใส่คำนำหน้าไม่ถูก รับรองคุณแม่มีเคือง
แถมพิมพ์ชื่อเล่นหรือชื่อที่ตั้งบนเฟซลงไปก็ไม่ได้ด้วยนะ ทั้งๆ ที่ทุกวัน เวลาเราเจอญาติเราหรือเพื่อนพ่อเพื่อนแม่ทั้งหลาย เราก็เรียกชื่อเล่นเค้ามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นป้าสุ ลุงนพ น้าปอง อาอ้อย ฯลฯ แต่พออยู่ในซองเท่านั้นแหละ ความลำบากมาเยือนทันที
แถมยังย้อนแยงตัวเองสุดๆ ในกรณีที่คุณจำชื่อและนามสกุลจริงของเพื่อนพ่อเพื่อนแม่คุณไม่ได้ วิธีแก้ไขคือ คุณต้องโทรไปถามชื่อจริงท่านเพื่อมาพิมพ์ใส่ในซองอีกที ช่างเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนต่างจากการอนุมัติทำหอชมเมืองกรุงเทพที่ทำได้ง่ายโดยไม่ต้องใส่รายชื่อคนสร้างแต่อย่างใด
3.โต๊ะแหก แขกทะลุพิกัด
งานแต่งของเรา บ่าวสาวส่วนใหญ่ก็อยากจะเชิญเพื่อนๆ คนรู้จัก หัวหน้าหรือผู้มีพระคุณทั้งหลายที่คอยช่วยเหลือเค้า และทำให้เค้าสองคนครองรักกันจนมาถึงวันนี้ได้ บางคู่ก็เชิญแขกมาร่วมงานจำนวนไม่เยอะ เพราะกลัวดูแลไม่ทั่วถึง…แต่พ่อกับแม่ของคุณไม่ได้คิดเช่นนั้นหรอกนะ
สมมุติคุณจัดโต๊ะจีนสามสิบโต๊ะ แต่ยี่สิบโต๊ะเป็นของแก๊งเพื่อนพ่อของคุณ ยิ่งสายต่างจังหวัด บอกเลย มางานแต่งงานทีนึงเหมือนขนมากันทั้งหมู่บ้าน โต๊ะงอกยิ่งกว่ารถถั่วคว่ำ เพิ่มกันหน้างานบานเบอะ แถมในขณะใกล้จบงาน ช่วงที่คุณหมดแรงแล้ว
แต่คุณยังต้องคอยเดินถ่ายรูปกับบรรดาเพื่อนพ่อเพื่อนแม่คุณให้ครบทุกโต๊ะอีกต่างหาก บางคนไม่เคยรู้จักคุณมาก่อนในชีวิตด้วยซ้ำ แถมเดินไปตามโต๊ะต่างๆ ก็จะโดนบิ้วตลอดทาง “หอมเลย” , “จูบเลย” ไม่รู้ว่าวันนี้จูบไปรอบที่เท่าไหร่แล้ว จะไม่ทำก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม่ได้ซองอีก 555+
4.งานจะดี ต้องมีประธาน
นอกจากจะชวนแขกมาร่วมงานเยอะแล้ว แขกระดับ VIP ก็ไม่เคยพลาดสำหรับงานแต่ง ประธานกิตติมศักดิ์มักมาพร้อมกับตำแหน่งคำนำหน้าทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. สส. สว. สจ. สลน. สปช. กพอ. กกน. พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายมักจะเชิญมาร่วมงานด้วยทั้งหมด
บางงานมีประธานกล่าวอวยพรถึง 2 คนก็มี (เพราะมาทั้งฝั่งพ่อเจ้าบ่าวและพ่อเจ้าสาว) ซึ่งบางครั้งคุณอาจจะงงนิดหน่อยว่า คุณไม่เคยรู้จักท่านทั้งหลายเหล่านี้มาก่อนเลยในชีวิต แล้วจะอวยพรเราถูกเหรอ ?
ในขณะที่คุณกำลังงงงวยกับคำอวยพรที่ลากยาวเกิน 10 นาที คุณก็มาได้สติอีกทีต่อประโยคปิดท้าย “เลือกตั้งสมัยหน้า ขอโอกาสให้ผมได้รับใช้พี่น้องอีกครั้ง เอ้าชน” (มันใช่คำอวยพรตรงไหนกันฟร่ะ ?)
5.พิธีการห้ามขาด
งานแต่งงานนอกจากจะมีแขกยั่วเยี้ยแล้ว ยังมีพิธีการที่ยุ่บยั่บอีกมากมาย แม้ว่าคุณและแฟนจะอยากจัดแบบเรียบง่าย แต่เชื่อว่าผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านไม่ง่ายกับพวกคุณแน่นอน ยิ่งบ้านไหนเป็นบ้านคนไทยแต่งกับบ้านคนจีน
ความสนุกยิ่ง x2 ไปได้เลย ตักบาตร แห่ขันหมาก กั้นประตู ยกน้ำชา บางงานมีพิธีการซ้อนกันเยอะจนทำให้พิธีกรงงจนกล่าวผิดๆ ถูกๆ ก็มี “ขอเชิญญาติผู้ใหญ่เตรียมทำพิธีกั้นน้ำชาหลังจากพิธียกประตูด้วยครับ”
แต่ถึงพิธีจะเยอะเพียงใด เราก็แต่งเพียงครั้งเดียว (อืมมม…บางคนก็แต่งหลายครั้ง) แต่เพื่อความสบายใจของพวกท่านก็ทำตามน้ำไปเถอะนะ งานแต่งของลูกทั้งคนเน๊อะ ♥