เพลงดังก็มันส์ดี แต่ไม่ใช่ทุกที่ๆ ต้องการสีสัน หลายครั้งที่ต้องการสมาธิ แต่เสียงรอบข้างก็ช่างน่าสนใจเหลือเกิน ครั้นจะหาที่เงียบสงบอยู่คนเดียว ก็ไม่วายต้องตีกับเสียงในหัวของตัวเองอีก บางทีอาจต้องพึ่งเสียงที่ช่วยผ่อนคลายที่ทำให้มีสมาธิมากยิ่งขึ้นได้ วันนี้ Mango Zero ขอเสนอ 5 ประเภทเพลงที่แค่เปิดคลอระหว่างทำงาน ก็สามารถสร้างสมาธิได้! Classical Music เริ่มกันที่ประเภทเบสิคอย่างเพลงคลาสสิค มีตัวแทนเป็นศิลปินระดับตำนานอย่างโมสาร์ท หรือบีโธเฟน ในปี 1990 มีงานวิจัยเรื่องทฤษฎีโมซาร์ตของกอร์ดอน ชอว์ ที่ระบุว่าการฟังเพลงคลาสสิคช่วยสร้างสมาธิได้ดียิ่งขึ้น แต่หลังจากนั้น ก็ได้เกิดข้อกังขาในหมู่นักวิจัย จนมีการทดลองซ้ำๆ มากมาย ทำให้ความเชื่อเรื่องทฤษฎีโมสาร์ทสั่นคลอน แต่ไม่ว่าเพลงคลาสสิคจะมีส่วนช่วยในเรื่องของการพัฒนาสมองหรือไม่ ก็ต้องยอมรับว่าเพลงคลาสสิคทำให้เกิดความผ่อนคลายได้มากขึ้นจริงๆ Instrumental Music คือเพลงที่มีแต่ท่วงทำนอง เครื่องดนตรี แต่ไม่มีเสียงร้อง ส่วนใหญ่แล้วจะมีอยู่ในอัลบั้มเพลงของต่างประเทศ หรือหากเป็นในไทยก็คือเพลงคาราโอเกะนั่นเอง เพลงแบบนี้มีข้อดีก็คือฟังเพลินตอนทำงาน ไม่ต้องออกแรงสมองในการทำงานมากนักเพราะเป็นเพลงที่คุ้นเคยดีอยู่แล้ว แต่บางครั้งก็อาจทำให้เราเผลอร้องเพลงตาจนเสียสมาธิได้เช่นกัน Ambient Music คือเสียงรอบข้างทั้งแบบธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น คลื่นทะเล เสียงไม้แตกปะทุในเตาผิง ฝนตกโปรยปราย หรือพายุเข้าจนฟ้าร้องดังสนั่น ไปจนถึงเสียงไม่ธรรมชาติอย่างเสียงจ้อกแจ้กจับใจความไม่ได้คลอเพลงบอสซาโนวาในคาเฟ่ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังท่องเที่ยวโลกกว้างตามใจชอบ แม้จะอยู่ห่างเตียงเพียงไม่กี่ก้าว นับเป็นคลื่นความถี่ที่รบกวนจิตใจพอประมาณ แต่ยังสร้างสมาธิให้เราได้อยู่ดี Jazz อาจจะหงุดหงิดนิดหน่อยที่ร้องคลอตามไม่ได้ (เพราะสุดท้ายแล้วจังหวะก็ไหลลื่นไม่เคยเหมือนกันสักครั้ง) แต่ไม่อาจปฎิเสธได้เลยว่าเพลงแจ๊สเป็นหนึ่งในเพลงที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และสบายใจมากที่สุด เมื่อเพลงที่เราคุ้นเคยถูกนำมาร้องในรูปแบบใหม่โดยนักร้องเสียงเอกลักษณ์ เมื่อเปิดคลอระหว่างการทำงาน ก็สามารถเปลี่ยนความเครียดให้เป็นความสนุกได้อีกไม่น้อย Binaural Beats (เกริ่นก่อนตัวโตๆ ว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล) นอกจากเพลงที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีเพลงอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “Binaural Beats” เป็นเพลงที่ใส่คลื่นความถี่ที่แตกต่างกันเข้าไปในหูทั้งสองข้าง จนผสมผสาน (synchronize) เกิดเป็นคลื่นความถี่ต่ำอีกคลื่น ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสมองตามต้องการ ส่งผลให้เกิดภาวะผ่อนคลาย เพิ่มสมาธิได้ดียิ่งขึ้น ข้อแนะนำคือต้องใส่หูฟังฟัง ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอาการเวียนหัวได้ ท้ายที่สุดแล้ว การจะฟังหรือไม่ฟังเพลงขณะทำงานที่ต้องการสร้างสมาธินั้น ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล หลายคนต้องการอยู่ที่เงียบสงบ แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่ต้องเปิดเสียงคลออยู่เป็นเพื่อนเบาๆ สิ่งสำคัญคือการสังเกตว่าตัวเองสามารถสร้างสมาธิในภาวะใดได้ดีที่สุด และทำตามแต่ความถนัดนั่นเอง ที่มา: throughthephrase,ngthai,kelseyaida
