“ความคิด” สิ่งที่น่ามหัศจรรย์อย่างหนึ่งของร่างกายมนุษย์ เหมือนจะควบคุมได้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ทั้งหมดซะทีเดียว และยังเป็นส่วนหลักต่อการตัดสินใจในแต่ละสถานการณ์อีกต่างหาก หลายคนอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แต่ก็ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกแย่ๆ ที่คอยรั้งไว้อย่างไรดี วันนี้เรามี 5 วิธีเปลี่ยนความคิดที่จะทำให้การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปได้มาฝาก ทุกๆ วัน คือการพัฒนาทีละนิด เมื่อต้องฝืนใจทำอะไรสักอย่างที่ไม่อยากทำ ให้คิดว่านั่นคือการฝืนเพื่อฝึกฝนทีละนิด ใช่ว่าการทำวันนี้จะไม่ส่งผลอะไรต่อชีวิตเลย เพราะเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง ก็จะเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเลือกที่จะกินอาหารคลีนแทนขนมหวานในวันนี้ แปลว่ากำลังฝึกการเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย แทนการสปอยล์ตัวเอง หรือการเลื่อนนาฬิกาปลุกในตอนเช้า แปลว่าคุณกำลังฝึกนิสัยการผัดวันประกันพรุ่งอยู่ เมื่อเริ่มปรับมุมมองว่าทุกสิ่งมีความสำคัญ ก็จะเริ่มมีวิธีการใช้ชีวิตในแต่ละวันเปลี่ยนไปทีละเล็กน้อย เรากำลังฝึกฝนอยู่ทุกวัน และสิ่งนั้นทำให้เราพัฒนาขึ้น จนประสบความสำเร็จในที่สุด วิวข้างทางอาจจะสวยงาม แต่ไม่ปลอดภัย จริงอยู่ที่ว่าการเรียนรู้ระหว่างทางเป็นสิ่งสำคัญ แต่บางครั้งก็ไม่ควรเดินทอดน่องแบบชิลล์ๆ ซะจนเกินไป เพราะความน่ากลัวคือ การที่สุดท้ายแล้วอาจเผลอหยุดพักระหว่างทางและไปไม่ถึงจุดหมายที่ว่านั้นสักที บางครั้งการที่หนทางมันง่าย เป็นเพราะเรายังเลือกที่จะอยู่ในคอมฟอร์ทโซน หรือขอบเขตการทำงานที่ทำให้เราสบายใจ แต่ไม่ก่อให้เกิดการพัฒนา วิธีการแก้ก็ไม่ยาก เพียงแค่ลองมองย้อนกลับไป ดูว่าสิ่งที่เราทำนั้น มีอะไรที่ควรทำต่อ หรือสิ่งไหนที่ต้องหยุดและเริ่มก้าวออกมาจากความสบายใจ แน่นอนวิวระหว่างนั้นสวยและชื่นใจ แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องผ่านทิวทัศน์นั้นไปอยู่ดี จริงไหม คุณไม่ได้ไร้วินัย แต่กำลังเรียนรู้วิธีการเป็นคนมีวินัย ไม่เป็นไรเลยถ้าในตอนนี้เราเป็นคนไม่มีวินัย เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่จะคงอยู่กับเราไปตลอด หรือสิ่งที่เราต้องอดทนแบกทูนไว้บนหัว การไม่มีวินัย ความอดทน หรือความซื่อสัตย์ ไม่ใช่สิ่งที่โดนบังคับให้มีติดตัว แต่เป็นสิ่งที่เราเลือกที่จะทำ เพราะนิสัยและวิถีชีวิตประจำวัน หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราเป็นแบบนี้ด้วยตัวเองนั่นเอง สิ่งสำคัญก็คือการตั้งคำถามที่ถูกต้องต่อตัวเอง ไม่ใช่การถามว่า “ฉันจะเป็นคนมีวินัยมากกว่านี้ได้อย่างไร” แต่เป็นการถามว่า “วิธีใดที่ทำให้ฉันกลายเป็นคนมีวินัย” เหมือนที่โยดา(ตัวละครในภาพยนตร์เรื่องสตาร์วอร์) เคยกล่าวไว้ว่า มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ลอง มีเพียง “ทำ” หรือ “ไม่ทำ” เท่านั้น ไม่ชอบนิสัยอะไรในตัวคนอื่น แปลว่าเรามีนิสัยนั้นอยู่ในตัวเหมือนกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่พบว่ากำลังต่อต้านหรือไม่ชอบลักษณะนิสัยของใครคนอื่นอยู่ ลองหยุด ฉุกคิด แล้วดูว่าคุณมีนิสัยส่วนนั้นอยู่ในตัวขนาดไหน หลายคนรับรู้หลักความจริงข้อนี้ แต่หลายคนก็ไม่ยอมรับ ถ้าอย่างนั้น ลองถามตัวเองว่า ถ้าหากไม่มีนิสัยนั้นอยู่ในตัว หรือมีความคุ้นเคยกับนิสัยแบบนั้น คุณจะให้ความสนใจกับสิ่งนั้นทำไม จริงไหม? แทนที่จะรู้สึกต่อต้านหรือแสดงความไม่ชอบต่อไปเรื่อยๆ ลองเปลี่ยนวิธีคิดว่าสิ่งนี้คือโอกาสอันดีที่ทำให้คุณรู้จักตัวเองมากขึ้น หากเริ่มรู้สึกไม่ชอบใจ ลองถามตัวเองถึงเหตุผลที่ทำให้การตอบสนองของตัวเองเป็นไปในทางนี้ และเราสามารถเรียนรู้อะไรจากสิ่งนี้ได้บ้าง เพื่อการเติบโตที่ดีขึ้นไปอีกขั้น ทุกโอกาสที่เลือกอาจไม่ได้จบลงอย่างสวยงาม แต่แน่นอนว่าทุกโอกาสคือการเรียนรู้ ความคาดหวัง การได้ลุ้นอย่างเร้าใจ ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องท้าทายในชีวิต แต่การเอาความหวังของตัวเองไปผูกไว้กับคำพูดของคนอื่น ถือเป็นเรื่อง(ที่ไม่ควร)เสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นการตอบรับในทุกโอกาสที่คนอื่นหยิบยื่นเข้ามาจึงเป็นเรื่องดี แต่ไม่ควรปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนกำหนดความสำเร็จของคุณ เพราะคุณเดินทางมาไกล และทำได้ดีเกินกว่าจะเอาความคาดหวังไปฝากไว้กับคนอื่นแล้ว โปรดเชื่อมั่นในตัวเอง ไว้ใจความสามารถที่มี ผสมความคิดที่มุ่งมั่นอีกนิด และการลงมือทำอีกหน่อย ต้องได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีมากๆ อย่างแน่นอน “ไม่ว่าคุณจะคิดว่า ‘ทำได้’ หรือ ‘ทำไม่ได้’ คุณก็คิดถูกทั้งนั้น” ประโยคหนึ่งจากหนังสือ คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก โดย David J.Schwartz หนังสือติดอันดับโลกหลายปี และยังได้รับการกล่าวถึงในด้านทำตามแล้วได้ผลจริง แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของการเปลี่ยน Mindset ตัวเอง ในเมื่อโลกยังไม่ดีขึ้น การเปลี่ยนวิธีมองโลก อาจจะเป็นวิธีที่ดีกว่าก็ได้นะ ที่มา Thought Catalog