การเอาเกมมาสร้างเป็นหนังนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในความเป็นจริงใช่ว่าเกมที่ฮิตมากๆ ระดับที่ว่าคนเล่นทั่วโลกเป็นล้าน เมื่อเอามาสร้างหนังก็น่าจะประสบความ แต่ขณะเดียวกันก็ใช่ว่าหนังที่สร้างจากเกมจะล้มเหลวเละเทะไม่เป็นท่า
แต่จะมีหนังที่สร้างจากเกมเรื่องไหนบ้างที่ดีจนถูกใจคอหนังและเกมเมอร์ และมีหนังจากเกมเรื่องบ้างที่เหมือนจะดี แต่เอาเข้าจริงโดนด่าเละเทะ จากหนังที่สร้างโดยได้แรงบันดาลใจจากเกมทั้งหมดกว่า 41 เรื่อง (ที่เราสามารถหาข้อมูลมาได้นะ) นี่คือหนัง 5 เรื่องจากหมวด ‘รุ่ง’ และ ‘ร่วง’ ที่คัดมาแล้ว
หนังรุ่ง
หนังรุ่งส่วนใหญ่เป็นหนังที่คอเกมยอมรับว่าทำได้ดี ขณะที่คอหนังซึ่งไม่ได้เล่นเกมก็ยอมรับว่าทำได้สนุกเช่นกัน
Tomb Raider
หนังที่คอเกมในยุคนั้นยกนิ้วบอกเลยว่า ‘ใช่’ และแจ้งเกิด ‘แองเจลิน่า โจลี่’ ที่มารับบท ‘ลาร่า คอร์ฟ’ แม้เนื้อเรื่องในหนังอาจไม่ได้ตรงกับเกมสักทีเดียว แต่ด้วยโทนของหนัง และแนวทางของหนังที่เน้นไปในทางไขปริศนาเพื่อปลดล็อคอะไรบางอย่าง เลยทำให้เกมเมอร์ชอบระดับหนึ่ง ส่วนภาคสอง Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life ก็มีเสียงชมในแง่บวกเช่นกัน อาจจะไม่ถึงขั้นชอบที่สุด แต่ก็ไม่แย่
Warcraft
หนังที่สร้างจากเกมและได้รับการยอมรับว่าทั้งฉากและตัวละครทำได้ดี ส่วนบทถึงจะโดนติติงว่าอืดจังเลยกว่าจะเข้าเรื่อง กว่าจะซัดกันไม่รู้จะปูนานไปไหน ทว่ารายได้ทั่วโลกอยู่ที่ 433 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนทุนสร้างอยู่ที่ 160 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นั้นหมายถึงกำไรบานเลย ทำให้วอร์คราฟ กลายเป็นหนังจากเกมที่ทำรายได้สูงสุดทันที แต่น่าสังเกตตรงที่ตลาดสหรัฐฯ นั้นไม่ปลื้มเท่าไหร เก็บรายได้ไปแค่ 37ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่เหลือกวาดรายได้นอกบ้านล้วนๆ โดยเฉพาะจีนที่ซัดไป 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลย เอาน่าไม่เจ๊งก็ดีแล้ว
Resident Evil
ถึงคอเกมจะบ่นว่าทำไมเนื้อเรื่องไม่เหมือนในเกมเลยวะ ตั้งแต่ภาคหนึ่งจนถึงภาคจบ แถมตัวละครในเกมแม้จะโผล่มาสร้างสีสันให้เกมเมอร์ร้องว้าว แต่สุดท้ายความเก่งของเจ้อลิซ ก็แย่งซีนไปหมด จนตัวละครในเกมบางตัวที่เก่งเทพๆ กลายเป็นตัวประกอบไปเลย อย่างไรซะถึงจะโดนบ่นมันทุกภาค แต่ ‘ผีชีวะ’ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามันทำเงินได้จริงจากการสร้างภาคต่อถึง 6 ภาคตลอดระยะเวลา 15 ปี!! นานโคตร
Mortal Kombat
หนังแนวต่อสู้ดิบเถื่อนสร้างขึ้นในปี 1995 แล้วได้รับการตอบรับจากผู้ชมเป็นอย่างดีว่าหนังเรื่องนี้ทำดีกว่าหนังที่สร้างจากเกมต่อสู้อีกเกมแบบเทียบไม่ติด แม้การออกแบบตัวละครจะไม่ตรงกับคาแรคเตอร์ในเกมมานัก เนื่องจากเทคโนโลยีในยุคนั้นอาจจะทำได้ไม่ถึง แต่ความสนุกของฉากต่อสู้ และเนื้อเรื่องถือว่าทำได้ดี (ในยุคนั้นนะ) กวาดรายได้ทั่วโลกไป 122 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ภาคสองปรากฎว่าเละเทะเรียกได้ว่าโดนสับยับเยินไม่มีชิ้นดีกลายเป็นหนังจากเกมที่ห่วยที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ไปเลย
The Angry Birds Movie
อนิเมชั่นที่สร้างจากเกมที่โคตรโด่งดังทางมือถือ เนื้อเรื่องก็พูดถึงการต่อสู้แบบฮาๆ ระหว่างนกขี้โมโห และหมูเขียวขี้ขโมย แองกรีเบิร์ด เป็นหนังที่ดูได้ทุกเพศทุกวัยถูกใจคนหมู่มาก เลยกวาดรายได้ไปอย่างน่าพอใจ อยู่ที่ 349 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และไม่โดนแฟนเกมด่าด้วย…ก็หนังมันน่ารักนี่
หนังร่วง
หนังที่สร้างจากเกมนั้นหาดีค่อนข้างยาก กว่าจะคัด 5 หนังที่โดนสับเละทั้งจากคอหนัง และคนเล่นเกมก็ยากเหมือนกัน เพราะมันแย่จนไม่รู้จะคัดอย่างไร แต่เราพยายามคัดออกมาได้แล้ว
Street Fighter
Street Fighter เป็นเกมที่ฮิตมากๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว และหนังที่ได้แรงบันดาลใจจากสตรีทไฟร์เตอร์ถูกสร้างขึ้นในปี 1994 แต่โดนคอเกมสับยับอย่างไม่มีชิ้นดีเพราะเนื้อเรื่องถูกบิดเบือน ตัวละครที่ควรจะเป็นพระเอกอย่างเคน และริว กลายเป็นตัวประกอบเฉย ส่วนพระเอกกลายเป็นกิลด์ ทหารสหรัฐฯ แทน แถมหนังเรื่องนี้แทบไม่ได้มีเอกลักษณ์ของสตรีทไฟท์เตอร์เลยนอกจากเอาตัวละครมาใช้ เลยโดนด่าว่านี่คือหนังที่ไม่เคารพต้นฉบับ และไม่ควรใช้คำว่า ‘สตรีทไฟท์เตอร์’ เลย
DoA : Dead or Alive
เกมไฟท์ติ้งที่มีจุดเด่นอยู่ตรงความเซ็กซี่ของสาวๆ หนังเรื่องนี้ก็หวังว่าจะใช้ความเซ็กซี่อของสาวๆ สุดเอ็กซ์มาดึงดูด แต่ปรากฎว่าความเซ็กซี่ไม่ช่วยอะไรเลย หนังทำออกมาได้น่าเบื่อมากถึงมากที่สุด แฟนเกมบางคนบอกว่านี่เรียกว่าหนังเหรอ (อูย…แรง) ส่วนรายได้นี่ก็น่าผิดหวังเก็บไปได้ 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขาดทุนยับเยิน
Assassin’s Creed
หนังจากเกมที่เข้าฉายเมื่อปลายปีที่แล้ว และก็หวังว่าจะดีอย่างที่คอเกมคิด เห็นตัวอย่างครั้งแรกนี่ร้อง อูยยย กันใหญ่ เพราะเปิดตัวมาก็รู้สึกได้ถึงความเท่ อลังการ แต่เอาจริงๆ กลับทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานความสุนกที่ตัวเกมเคยทำได้ จึงได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก แต่อย่างไรซะก็ไม่เจ๊งเพราะทำรายได้ไป 203 บ้านเหรียญสหรัฐฯ ทว่าในแง่ความประทับใจถือว่าสอบตก
Hitman
ฮิตแมนเป็นเกมที่สนุก แต่พอสร้างเป็นหนังครั้งแรกไปเมื่อปี 2007 ก็พบว่ามันแย่มากๆ จนคอเกมไม่อยากพูดถึง และแม้ฮิตแมน จะถูกสร้างใหม่อีกครั้งเมื่อปี 2015 ก็ปรากฎว่าแย่อยู่ดี ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย ย้ำแย่กว่าเดิมอี๊ก!! จึงคิดว่าคงไม่ใครกล้าหยิบเกมนี้มาสร้างเป็นหนังอีกแล้วล่ะมั้ง
Alone in the Dark
หนังเรื่องนี้โดนยี้ขั้นสุดในทุกวงการระดับที่ว่า Rotten Tomatoesให้คะแนน 1% ต่ำตมที่สุดในบรรดาหนังที่สร้างจากเกม ส่วนคอเกมก็สับเละเทะไม่มีชิ้นดี ประเด็นที่โดนสับก็คือเนื้อเรื่องเละเทะแทบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเกมเลย เหมือนเอาชื่อเกมมาตั้งเป็นชื่อหนังเพื่อเรียกแขกเฉยๆ