หลังจากเมื่อวานนี้ คณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “โครงการคนละครึ่ง” (Co-pay) คนละ 3,000 บาทต่อ 1 สิทธิ์ โดยมีกำหนดกลุ่มเป้าหมายจำนวน 10 ล้านคน งบประมาณที่ต้องใช้รวม 30,000 ล้านบาท เพื่อใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์ โดยมีข้อกำหนดว่า เงินส่วนนี้ไม่สามารถใช้ได้กับการซื้อลอตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และการบริการ ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารหน้าที่ 22 กันยายน 2563 📌 สำหรับเงื่อนไขการรับสิทธิ์ มีดังนี้ วันที่ลงทะเบียนสำหรับร้านค้า : 1 ตุลาคม 2563 วันที่ลงทะเบียนสำหรับประชาชน : 16 ตุลาคม 2563 ระยะเวลาของโครงการ : 23 ต.ค. 2563 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 📌 คุณสมบัติผู้ที่ลงทะเบียน อายุ 18 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย 📌 ช่องทางการลงทะเบียน : www.คนละครึ่ง.com 📌 วิธีการใช้สิทธิ์ : ทุกคนจะได้รับเงิน 3,000 บาท ทั้งหมด แต่วิธีการใช้นั้น รัฐบาลจะจ่ายเงินให้ 50% ของมูลค่าสินค้า (ไม่เกิน 100 บาท/คน/วัน) ตัวอย่างเช่น หากต้องการซื้อของมูลค่า 200 บาท เมื่อใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่ง จะจ่ายเงินแค่ 100 บาทเท่านั้น แต่ในวันเดียวกันนั้น ต้องการซื้อของอีกชิ้นมูลค่า 200 บาท ผู้ซื้อจะต้องต้องออกเงินเต็มจำนวน เนื่องจากเกินลิมิตที่จำกัดไว้ที่ 100 บาท/คน/วัน 📌 การใช้จ่าย จ่ายผ่านแอป “เป๋าตัง” ต้องนำเงินที่ได้ไปใช้ในร้านค้ารายย่อยที่ขึ้นทะเบียน “ถุงเงิน” ไว้กับธนาคารกรุงไทย 📌 ช่องทางที่สามารถใช้สิทธิ์ได้ ร้านอาหาร เครื่องดื่มทั่วไป ร้านแผงลอย โชห่วย ไม่รวมร้านค้าที่จดทะเบียนนิติบุคคล ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อ ไม่ใช่ร้านเฟรนไชส์ เช่น เซเว่น-อีเลฟเว่น นอกจากนี้ยังเห็นชอบโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะเพิ่มวงเงินใช้จ่ายให้ผู้ถือบัตร จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2563 จำนวน 14 ล้านคน แต่ผู้ถือบัตรฯจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้จะใช้งบประมาณ 51,000 ล้านบาท ที่มา : PPTV, Prachachat