น่าใจหายเหมือนกัน เมื่อทราบข่าวว่าสวนสัตว์ดุสิต หรือหลายๆ คนรู้จักว่า “เขาดิน” สวนสัตว์กลางกรุง จะปิดตัวลงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นจะมีแผนย้ายสัตว์ทุกตัวไปยังพื้นที่แห่งใหม่ ณ ที่ดินพระราชทานขนาด 300 ไร่ บริเวณคลองหก ในอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
ก่อนเวลานั้นจะมาถึง ทีมงาน Mango Zero จึงไม่พลาดที่จะไปเก็บภาพความทรงจำและซึมซับความประทับใจ ที่มีในเขาดินมาฝากค่ะ เชื่อว่าหลายๆ อย่างในนี้ มีแต่ที่เขาดินเท่านั้น วันที่ผู้เขียนไปพบว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก บรรยากาศไม่เหงาเหมือนเคย ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนไปเมื่อ 80 ปีที่แล้ว เมื่อครั้งเปิดครั้งแรก (ทันหรอ) ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
รู้จัก “เขาดินวนา” กันก่อน
สวนสัตว์ดุสิต หรือชื่อที่รู้จักว่า “เขาดินวนา” เป็นสวนสัตว์แห่งแรกของประเทศไทย แต่เดิมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชอุทยานสวนดุสิต ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นสวนพฤกษชาติส่วนพระองค์
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 คณะรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เทศบาลนครกรุงเทพดัดแปลงบริเวณสวนสัตว์ดุสิตเป็นสวนสาธารณะเปิดให้ประชาชนได้ใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
ย้ายไปที่ไหน?
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานโฉนดที่ดิน บริเวณตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จำนวน 300 ไร่ เพื่อยย้ายสัตว์ไปยังที่ใหม่ที่กว้างกว่า และสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นด้วย ระหว่างที่สวนสัตว์แห่งใหม่กำลังก่อสร้างนั้น จะย้ายสัตว์ต่างๆ ไปฝากเลี้ยที่สวนสัตว์ 6 แห่งทั่วประเทศ คือ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว , สวนสัตว์เชียงใหม่ , สวนสัตว์นครราชสีมา , สวนสัตว์สงขลา , สวนสัตว์อุบลราชธานีและสวนสัตว์ขอนแก่นโดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
กวางดาว…สมาชิกตัวแรก
ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงนำกวางดาวฝูงหนึ่งมาจากประเทศอินโดนีเซียจากนั้นได้ขยายพันธุ์เป็นจำนวนมากเมื่อก่อตั้งเป็นสวนสัตว์เทศบาลนครกรุงเทพฯ ที่ดูแลเรื่องนี้จึงนำกวางที่เหลือมาเลี้ยงถือเป็นสัตว์ชนิดแรกของสวนสัตว์เขาดิน
แม่มะลิ…ฮิปโปโปเตมัส
ตัวนี้ชื่อ แม่มะลิ เป็นดาวเด่นของสวนสัตว์ดุสิตเลยค่ะ ใครมาที่นี้ต้องแวะมาเยี่ยมตลอด ปัจจุบันแม่มะลิ อายุ 51 ปีแล้ว ถือว่าเป็นสาววัยทองแล้ว โดยสวนสัตว์ดุสิต ได้รับแม่มะลิมาจาก สวนสัตว์ทีลเบิร์ก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อ วันที่ 8 มิ.ย. 2510 ซึ่งที่ผ่านมาแม่มะลิคลอดลูกมาแล้ว 14 ตัว
ถั่วแดงเป็นหนึ่งในลูกของแม่มะลิวันนี้ผู้เขียนโชคดีไปทันจังหวะให้อาหารพอดีค่ะทุกคนตื่นเต้นมากแม้แต่ผู้เขียนเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กันแต่รอยยิ้มเหล่านี้ก็สร้างความประทับใจไม่น้อยให้กับสถานที่แห่งนี้
พี่ยักษ์…หมีควาย สุดเท่
อยู่ติดกันจะเจอพี่ยักษ์หมีควายสุดเท่กำลังนั่งกอดห่วงยางอยู่เลยค่ะหลายๆคนผ่านมาแซวว่าพี่ยักษ์กำลังขายห่วงยางอยู่ฮ่าๆๆ ขณะนั้นเจ้าหน้าที่นำอาหารมาให้พี่ยักษ์ด้วยการผูกไว้กับสลิงแล้วชักรอกไปให้แต่พี่ยักษ์ก็ไม่สนใจสักทีได้แต่นั่งมองทำให้ทุกคนร่วมกันลุ้นว่า เมื่อไหร่พี่แกจะยืนขึ้นกินจนในที่สถก็ลุกขึ้นตะปบอาหารชิ้นนั้นพร้อมเสียงปรบมือลั่นแสดงความยินดีกับพี่ยักษ์นั่นเอง
หมีหมา…กับพี่มึน
เดินถัดมา จะเจอหมีหมา 2 ตัวท่ามกลางอีกาที่ร่ายล้อมเหมือนฝูงผึ้งดอมดมดอกไม้เลยค่ะ แต่ละตัวน่ารักเรียกรอยิ้มให้กับนักท่องเที่ยวไม่ยาก
พี่มึนกำลังนอนดื่มน้ำหวานที่เจ้าหน้าที่แช่แข็งมาให้เพลิดเพลินไม่สนใจใครเลยเชียว
เก้งเผือก…ที่เดียวในโลก
เก้งเผือกตัวแรกของโลกชื่อ “เพชร” ทางสวนสัตว์ดุสิตได้รับมาจากชาวบ้าน อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อ มิ.ย. 2545 จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่าไม่มีที่ใดพบเก้งเผือกชนิดนี้เลยค่ะ ถือว่าเป็นเก้งเผือกตัวเดียวในโลก จากนั้นได้ขยายพันธุ์กับเก้งเผือกธรรมดา จนมีลูกเก้งเผือกถึง 5 ตัวโดยกระจายไปยังสวนสัตว์ทั่วประเทศ
ยีราฟ…ขวัญใจชาวเขาดิน
คู่ซี้คอยาว ดาวเด่นเขาดิน บินลาเดน และ ตาหวาน ยีราฟที่ไม่ใช่สัตว์หาดูได้ง่ายในประเทศไทย ต้องมาสวนสัตว์เท่านั้นค่ะ โดยสวนสัตว์ดุสิตได้ยีราฟสองตัวนี้มาจากสวนสัตว์นคราราชสีมา เมื่อ พ.ย. 2546 โดยให้พวกมันอยู่กับม้าลายทุกคนสามารถขึ้นไปบนหอคอยเพื่อใกล้ชิดกับเจ้ายีราฟได้เลยค่ะผู้เขียนตื่นเต้นมาก
นกกระทุง…ปากบิด
นกตัวนี้มีตำนาน…ตอนแรกผู้เขียนเข้าใจว่าปากบิดเพราะสายพันธุ์ แต่ไม่ใช่ค่ะ ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดมาตั้งแต่เกิดเลย เมื่อประมาณปี 2557 เจ้าหน้าที่พบว่าเจ้านกกระทุงมีลักษณะปากบิดจึงแยกไปเลี้ยงที่โรงพยาบาลสัตว์คอยป้อนอาหารและฝึกฝนให้มันกินอาหารด้วยตัวเองจากนั้นก็ย้ายมาให้ใช้ชีวิตอยู่กับนกตัวอื่นๆในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับถิ่นอาศัยในธรรมชาติ
ช้าง…พังจิ๋ม
พังจิ๋ม ช้างที่เลี้ยงง่าย เชื่อฟังคนเลี้ยงที่สุด เกิดเมื่อปี 2524 อายุ 37 ปีตอนผู้เขียนไปถึงพังจิ๋มอารมณ์มากค่ะเดินส่ายหัวไปมาเหมือนกำลังเต้นเพลงอะไรสักอย่างฮ่าๆๆ
นกฟาลมิงโก้…โก้จริงๆ
นกอะไรตัวสีชมพู ดูแล้วน่ารักจัง ก็ฟาลมิงโกไง คริๆ พวกมันอยู่กันเป็นฝูงเลยค่ะ ตอนไปถึงกำลังก้มกินอาหารกันอยู่เลย โซนสัตว์ปีก จุดที่ไม่ควรพลาดก็เจ้ากลุ่มฟาลมิงโกนี่แหละค่ะ ผู้เขียนพยายามจะถ่ายรูปให้ออกมาเป็นหัวใจเมื่อนกหันหน้าชนกัน รอไปเรื่อยๆ ก็ได้เท่านี้จริงๆ –“
เมียร์แคท…ตัวจิ๋ว อยากรู้ทุกเรื่อง
สัตว์ตัวจิ๋วพลังเหลือเฟือใครๆ ก็ประทับใจความน่ารักของเจ้าเมียร์แคทด้วยท่าทางที่อยากรู้ตลอดเวลาด้วยการยืนสองเท้าตาเบิกกว้างพวกมันสนใจทุกอย่างจริงๆ นะคะไม่ว่าจะมีเสียงอะไรดังมาหน่อยก็จะลุกพร้อมกันทันทีน่ารักมากก
ค่าง 5 สี…สวยที่สุดในโลก
สัตว์ตระกูลลิงที่สวยที่สุดในโลก ตามลำตัวจะมีสีตัดกันถึง 5 สี นับว่าเป็นสัตว์ป่าที่หาชมได้ยาก และใกล้สูญพันธุ์เต็มที ในสวนสัตว์เขาดิน
สัตว์เลื้อยคลาน…ละลานตาน
ภายในอาคารสัตว์เลื่อยคลาน เราจะได้ตื่นตาตื่นใจกับสัตว์เลื้อยคลานแปลกประหลาด กว่า 80 ชนิดเช่น งูจระเข้ เต่า อีกัวน่า ซึ่งทุกตู้จะมีป้ายแนะนำชื่อพร้อมที่มาของแต่ละตัวอย่างละเอียดเรียกว่าดูไปได้ความรู้ไป
นั่งรถราง…ชิวรอบเขาดิน
ถ้าใครไม่อยากเดินก็สามารถใช้บริการรถรางนั่งรอบสวนสัตว์ได้ ระหว่างรถผ่านจะมีเจ้าหน้าที่แนะนำแต่ละจุดว่าที่ผ่านไปนั้นเป็นจุดชมสัตว์ชนิดใด รถสีสันน่ารักตกแต่งเป็นสัตว์ทำให้ดูกลมกลืนเป็นอย่างดีค่ะ
หลุมหลบภัย…ใครจะไปเชื่อว่าอยู่ในสวนสัตว์
ใครจะเชื่อว่ามีหลุบหลบภัยอยู่ในสวนสัตว์ ซึ่งเป็นสถานที่ใช้จริงๆ เมื่อครั้งปี พ.ศ. 2484 เพื่อใช้ประโยชน์เป็นที่หลบภัยของประชาชนที่มาเที่ยวสวนสัตว์เขาดินวนา และประชาชนในบริเวณใกล้เคียง กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตร (สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ) บินเข้ามาโจมตีทิ้งระเบิดในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพาปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมและศึกษาเรื่องราวที่เกิดขึ้นค่ะ
มุมถ่ายรูป…มุมมหาชน
ถือเป็นมุมมหาชนที่ใครๆ ต้องมาถ่ายจุดนี้เพราะสามารถเห็นพระที่นั่งอนัตสมาคมเป็นฉากหลังตัดกับสระน้ำที่อยู่ตรงกลางสวนสัตว์เขาดินยิ่งตอนเย็นจะโรแมนติกมากๆ เห็นความร่มรื่นของธรรมชาติที่อยู่รอบสระน้ำซึ่งบรรยากาศแบบนี้จากที่ไหนไม่ได้จริงๆ ค่ะยังสามารรถให้อาหารปลาได้อีกด้วยนะ
ปั่นเรือถีบ “จักรยานนาวา”
“มาถึงเขาดินต้องได้ ปั่นเรือถีบ” เป็นประโยคที่ผู้เขียนได้ยินเสมอเมื่อไปเที่ยวที่นั่นเพราะถือเป็นไฮไลท์สำคัญสามารถปั่นได้รอบสระเลยทีเดียวแต่ละจุดก็จะมีธรรมชาติให้ได้พักถ่ายรูป
สวนเขาดินวนา…พักสายตา
ภายในสวนสัตว์ยังมีสวนสาธารณะให้ทุกคนได้พักผ่อนหย่อนใจโดยมีต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ให้ได้ศึกษากันด้วยเรียกได้ว่าชมสัตว์แล้วยังศึกษาพันธุ์ไม้ได้อีกด้วย
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความประทับใจที่ทุกคนจะได้รับจาก ”เขาดิน” แต่ละคนอาจจะมีมุมมองต่างกัน หวังว่าทุกคนจะได้ซึมซับบรรยากาศเหล่านี้ไว้ในความทรงจำ ตลอดไป