category เซฟเก็บไว้เลย! รวม 15 แกรมม่าร์ภาษาอังกฤษ ที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด

Writer : Patta.pond

: 5 กุมภาพันธ์ 2564

ภาษาอังกฤษ ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นภาษาสากล แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องหมูๆ ของทุกคน เดี๋ยวก็ออกเสียงคล้ายกัน เดี๋ยวก็มีคำศัพท์วัยรุ่นเพิ่มขึ้นมาให้งงเล่นๆ แต่ก่อนจะไปไกลถึงขั้นแอดวานซ์ วันนี้ Mango Zero ก็ได้รวบรวม 15 แกรมม่าร์ที่มักใช้กันผิดให้ทุกคนได้ลองทบทวนกัน ว่าแล้วก็ Let go เอ้ย Let’s Go!

Your กับ You’re

ต่างกันแค่มี ” ‘ ” เพิ่มขึ้นมา แต่วิธีการใช้และความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Your เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ (Possession) ขณะที่ You’re เป็นรูปย่อของคำว่า “You are” ซึ่งเป็นประธาน + กรรม นั่นเอง

ตัวอย่าง :

Your pen is over there.

You’re so adorable.

Its กับ It’s

เหมือนกับการใช้ข้อเมื่อสักครู่ Its เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ (Possession) และ It’s เป็นรูปย่อของ It is กับ it has หากไม่แน่ใจ ลองอ่านทั้งรูปประโยคอีกครั้งเพื่อความชัวร์ก่อนก็ได้

ตัวอย่าง

My dog never stay at its own house

It’s a good day today, isn’t it?

Who กับ Whom

เริ่มยากขึ้นมาอีกนิด Who ใช้เมื่อต้องการพูดถึงคนที่เป็นประธานของประโยค ส่วน Whom ใช้เมื่อต้องการพูดถึงกรรมของประโยค และมักจะตามหลังบุพบทเป็นส่วนใหญ่  ดังนั้นวิธีการใช้ อาจเริ่มจากการดูว่าสิ่งที่เรากำลังพูดถึงนั้น เป็นประธานหรือกรรมของประโยค

ตัวอย่าง

Who is Peter?

Peter is the man whom I met last night.

Into กับ In to

นั่น แค่ช่องว่างก็สามารถสร้างความสับสนให้กับเราได้แล้ว แต่ความจริงแล้วทั้งสองคำนี้ค่อนข้างมีความแตกต่างกันอยู่ “into” ทำหน้าที่เป็นบุพบท แสดงถึงความเคลื่อนไหว ส่วน “in to” จะเป็นกริยา ที่ to มาเป็นคำบุพบทของ in อีกที

ตัวอย่าง

She is walking into that garden.

She is walking in to see the flower.

Every day กับ Everyday

อีกหนึ่งความสับสนที่ได้รับความนิยมติดอันดับ ทั้งสองคำนี้แปลว่าทุกวัน เป็นประจำเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงวิธีใช้  “Everyday” เป็นคำคุณศัพท์ (Adjective) ต้องมีคำนามตามหลังเสมอ ขณะที่ Every day คือ คำคุณศัพท์และคำนามรวมกัน  เป็นสำนวนบอกเวลา ดังนั้นจะขยายได้ทั้ง กริยา คุณศัพท์ หรือ กริยาวิเศษณ์ (Adverb) ก็ได้

ตัวอย่าง

I play with my dog every day.

Playing with my dog is my everyday task.

Lose กับ Loose

แม้จะเขียนคล้ายกัน แต่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งในด้านการใช้และความหมาย คำว่า Lose นั้นเป็นคำนาม แปลว่าหลวม ในขณะที่ Loose เป็นคำกริยา แปลว่าแพ้ หรือหาย

ตัวอย่าง

I hate to lose. It’s a shame.

These jeans are much too loose on me

Lose กับ Lost

ยังไม่หลุดพ้นจากตระกูลนี้ แต่เพิ่มความยากมากขึ้นมาอีกนิดหน่อย ทั้ง Lose และ Lost ต่างก็แปลว่าแพ้ แต่คำว่า Lose นั้นเป็นกริยารูปปัจจุบันอ่านว่า ลูส ส่วน Lost อ่านว่า ลอส เป็นรูปอดีตของคำว่า lose นั่นเอง

ตัวอย่าง

If you want to lose weight, you must eat healthy food.

I lost my key.

Affect กับ Effect

อีกหนึ่งคำที่หลายคนมักผิดกันบ่อย ด้วยความที่ทั้งคู่ต่างแปลว่าผลกระทบเหมือนกัน แต่ Affect นั้นเป็นคำกริยา หมายถึง ได้รับผลกระทบ ขณะที่ Effect นั้นเป็นคำนาม แปลว่าผลกระทบ

ตัวอย่าง

Smoking a lot may affect your lung.

The effect of smoking a lot is lung cancer.

To กับ Too

คำนี้ไม่ค่อยผิดกันเท่าไหร่ แต่ก็มีบ้างในวันที่เร่งรีบเขียนเรียงความ หรือใช้คำบ่อยๆ จนอาจเกิดอาการมึน Too ใช้เพื่อแปลว่าเหมือนกัน หรือขยายคำคุณศัพท์เพื่อสื่อว่ามาก (เกินกว่าที่ควรจะเป็น) ส่วน To นั้นทำหน้าที่หลายอย่างมากๆ ทั้งเป็นบุพบทบอกสถานที่ เชื่อมกับกริยาเป็น Infinitive with to เป็นต้น

ตัวอย่าง

This time is too early for me.

She is going to the mall this afternoon.

Me กับ I

ดูผิวเผินอาจเหมือนง่าย แต่ก็มีหลายครั้งที่รูปประโยคอาจทำให้ชวนสับสนได้หากเป็นกรณีที่มีสองคนอยู่ในประโยค โดย I ไม่ควรใช้เมื่อเรากลายเป็นเป้าหมายของประโยค อ่านแล้วอาจจะงง ลองมาดูตัวย่างกัน

ตัวอย่าง

Please send it back to Peter and me

Peter and I will send you the gift.

Less กับ Fewer

ทั้งสองคำแปลว่าน้อย ต่างกันตรงวิธีการใช้เพียงนิดเดียว Fewer ใช้กับคำนามที่สามารถนับได้ และ Less ใช้กับคำนามที่นับไม่ได้

ตัวอย่าง

She ate less dinner than yesterday.

She ate fewer chocolate bars than I had thought

i.e. กับ e.g.

เบื่อหรือยังกับการแสดงตัวอย่างด้วยคำว่า, for example, งั้นเรามาแอดว๊านซ์ขึ้นมาด้วยสองคำนี้กัน ทั้งค เป็นการแสดงตัวอย่างทั้งคู่ แต่ i.e. แปลว่า ซึ่งก็คือ (In Other words) ซึ่งหมายถึงมีแค่ตัวอย่างเดียว ขณะที่ e.g. จะมีวิธีการใช้เหมือนกับ for example ได้เลย หากสับสน ลองใช้คำว่า That is/ It is แทนที่ดูก่อน ถ้ายังถูกต้องอยู่ แปลว่าคำนั้นต้องแทนด้วย i.e. ได้

ตัวอย่าง

See you on my birthday (i.e., TOMORROW)

See you on weekdays (e.g., Monday, Tuesday..)

Then กับ Than

เป็นอีกชุดที่มีความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ก็เห็นยังการใช้คำผิดอยู่บ่อยๆ  Than (ที่มีตรงกลางเป็นตัว a ) ใช้ในการเปรียบเทียบ ส่วน Then (ที่มีตรงกลางเป็นตัว e ) ใช้เพื่อบอกเวลา/ลำดับการทำกริยา หรือสื่อว่าถ้าอย่างนั้นก็ …

ตัวอย่าง

She is prettier than me, but that’s fine

If you want to date a pretty girl, go find a new one then.

Worse กับ Worst

จะไม่พูดถึงความสับสนของสองคำนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้ ทั้งคู่เป็นการผันคำคุณศัพท์เมื่อต้องใช้ในการเปรียบเทียบ (Comparison) จากคำว่า Bad โดย Worse แปลว่า แย่กว่า และมักตามด้วย than ส่วน Worst แปลว่าแย่ที่สุด และมักจะมี the นำหน้า

ตัวอย่าง

She is the worst person I have ever met.

Drinking beer is worse than drinking vodka.

การเริ่มต้นประโยคด้วยคำว่า “me”

นอกจากจะต้องดูเรื่องการใช้ Me หรือ I แล้ว ก็ต้องระวังเรื่องการเริ่มต้นประโยคด้วยคำว่า Me เช่นเดียวกัน สำหรับข้อการจำนั้นง่ายมาก การใช้ Me ขึ้นต้นคนอื่นๆ นั้นถือว่า “ผิด” ทั้งหมด ถือว่าลืมไปได้เลย

ตัวอย่าง

Me and Peter will send you the gift. (อันนี้คือผิด)

Peter and I will send you the gift. (ประโยคนี้ถูกต้อง)

ที่มา: Theladders

Writer Profile : Patta.pond
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save