ช่วงสองสามปีมานี่ นับเป็นปีทองของการเที่ยวญี่ปุ่นสำหรับชาวไทยเลยทีเดียว เนื่องด้วยหลายสาเหตุหลายปัจจัย ทั้งตั๋วเครื่องบินที่มีราคาถูกลง และยกเลิกการขอวีซ่าเข้าประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยแห่แหนเข้าไปเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก ทั้งเข้าไปเช็คอิน และอัพเฟสไอจีกันเต็มหน้าฟี้ดไปหมด
แต่ทว่าการสื่อสารในประเทศนี้ ชาวญี่ปุ่นก็ไม่ได้เชี่ยวชาญการใช้ภาษาอังกฤษกันเสียหมดทุกคน พนักงานหรือเจ้าหน้าที่บางท่านพอเจอใครพูดอังกฤษใส่แล้ววิ่งหนีไปเลยก็มี ฉะนั้นบางสถานการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยภูเขาอย่างเราควรจะต้องมีคำศัพท์ญี่ปุ่นติดตัวไว้ใช้บ้างยามฉุกเฉิน
นี่คือ 10 คำศัพท์ที่เราแนะนำ เป็นคำที่ค่อนข้างใช้บ่อย และไม่จำยากจนเกินไป ไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งหน้าลองจำไปใช้กันดูนะ
1. Ohayo Gozaimasu
อ่านว่า : โอ-ฮา-โย โก-ไซ-มัส~
แปลว่า : “สวัสดี, สวัสดีตอนเช้า, หรืออรุณสวัสดิ์”, ดีจ้า
เราจะเจอคำนี้ถูกใช้ใส่เราบ่อยมาก ทุกครั้งที่คุณตื่นมาเจอพนักงานในโรงแรมตอนเช้า แทบทุกคนจะทักทายคุณด้วยประโยคนี้ ถ้าเค้าทักทายคุณแล้ว คุณจะตอบกลับว่า Good Morning ก็ได้อยู่ แต่ถ้าอยากได้รอยยิ้มกลับมา ก็แนะนำตอบว่า “โอ-ฮา-โย โก-ไซ-มัส~” กลับไป รับรองว่าชาวญี่ปุ่นแทบทุกคนจะยิ้มตอบคุณกลับมาแน่นอน
หากเป็นช่วงเวลาอื่น ก็ให้ทักทายกันตามนี้นะ
สวัสดีตอนเที่ยง konnichiwa = คอนนิจิวะ
สวัสดีตอนเย็น konbanwa = คอนบังวะ
ราตรีสวัสดิ์ Oyasuminasai = โอยาสุมินาไซ
*แต่คำแนะนำของเรา จำแค่สวัสดีตอนเช้าพอ อย่าไปก๋ากั่น สวัสดีเวลาอื่นเชียว ผู้เขียนเคยใช้ “โอยาสุมินาไซ” กับพนังงานโรงแรม เจอตอบกลับมาเป็นชุดใหญ่ ไปไม่ถูก มึนจนตอบกลับไปได้เพียงว่า Thank you very much เท่านั้น
2. Sayonara
อ่านว่า : ซา-โย-นา-ระ
แปลว่า : ไปล่ะ, บ๊ายบาย, ลาก่อน, ลาก่อย, บัย
คำนี้ก็ถูกใช้บ่อยในโรงแรมอีกเช่นกัน โดยพนักงานหลังจากขอบคุณที่คุณเสียเวลา และเสียเงินมาพักโรงแรมของเค้าแล้ว ก็มักจะบอกคุณว่า “ซาโยนาระ” เพื่อบอกลาคุณ ตามธรรมเนียมก็ควรตอบกลับไปว่า “ซาโยนาระ” เช่นกัน แต่ถ้าพนักงานน่ารักมาก จะบอกว่า “ซารางเฮโย” ก็ได้นะ เผื่อฟลุ๊ก
3. Arigatou
อ่านว่า : อา-ริ-กา-โตะ
แปลว่า : ขอบคุณ, ขอบใจจ้ะ
คำนี้คงได้ยินกันบ่อย สามารถใช้พูดแทนคำขอบคุณได้ทุกกรณี หรือถ้าอยากจะขอบคุณเค้ามากๆ ก็เพิ่มต่อท้ายไปอีกนิด Arigatou gozaimasu (อาริกาโตะ โกไซมัส) แปลว่าขอบคุณมากๆ หรือขอบคุณอย่างสุดซึ้งจ้า (จริงๆ ญี่ปุ่นมีคำว่าขอบคุณอีกหลายแบบ แต่สำหรับการไปเที่ยว ใช้แค่สองอันนี้ก็เพียงพอแล้ว)
4. Sumimasen
อ่านว่า : ซึ-มิ-มา-เซน
แปลว่า : ขอโทษ, ขอโทษทีนะ, รบกวนด้วย, ท่ดๆ
คำนี้ความหมายจริงๆ แล้วประมาณคำว่า Excuse me ไม่ถึงกะ Sorry ซะทีเดียว คำนี้เป็นคำใช้พูดจริงตอนไปเที่ยวบ่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก~ (ก.ไก่ล้านตัว) คือใช้หมด ไม่ว่าใช้ทักคนแปลกหน้า ใช้เกริ่นเริ่มต้นตอนถามทาง ใช้ตอนเข้าร้านอาหาร แทบจะใช้เปิดเกือบทุกประโยคที่เราไปรบกวนขอความช่วยเหลือเค้า เคยลองใช้คำว่า “Excuse me sir” กับคนญี่ปุ่น บางคนถึงกับใส่เกียร์หมาวิ่งหนีไปเลยก็มี (อาการเหมือนคนไทยเจอฝรั่งถามทาง) ฉะนั้นถ้าเปิดด้วย “ซึมิมาเซน” เค้าจะรู้สึกเป็นมิตรกับเรามากกว่า อารมณ์เหมือน เฮ้ย มันพูดญี่ปุ่นได้หนิ อยู่คุยกับมันแป็ปนึงก็ได้ หลังจากนั้นให้เราตามด้วยภาษาอังกฤษหรือภาษามือรัวๆ เวลาจะรบกวนอะไร
5. Gomennasai
อ่านว่า : โก-เมน-นา-ไซ
แปลว่า : ขอโทษมากๆ, ขอโทษเป็นอย่างยิ่ง, ขอโทษอย่างสุดซึ้ง, กราบแสดงความเสียใจ
คำนี้ก็ความหมายประมาณว่า I’m so sorry. ต่างจากซึมิมาเซนเมื่อตะกี๊ อันนี้เป็นการขอโทษแบบที่แฝงไปด้วยความสำนึกผิดและรู้สึกที่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป เช่นเดินเล่นมือถือจนเดินไปชนชาวบ้านเค้า ยืนบนรถไฟฟ้า แล้วจู่ๆ รถเบรกฉุกเฉินจนเราไปเหยียบเท้าคนข้างๆ หรือเข็นกระเป๋าเดินทางไปชนคนอื่นๆ จนขาหัก เป็นต้น หรือเวลาเราทำอะไรที่ทำให้เค้าเจ็บตัว (หรือเจ็บใจ) ก็พูดคำนี้ออกมาได้เลย
6. Syashin otote kudasai
อ่านว่า : ชา-ชิน โอ-โต๊ด-เต๊ะ คุ-ดา-ไซ
แปลว่า : รบกวนช่วยถ่ายรูปให้หน่อย, เตงๆ ถ่ายรูปให้เค้าหน่อย
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า มาเที่ยวญี่ปุ่น ถ้าไม่มีรูปกลับไปเหมือนมาไม่ถึง เวลาไปเที่ยวแล้วเกิดอยากได้รูปคู่ แล้วไม้เซลฟี่ไม่ได้พกมา หรืออกหัก หนีไปเที่ยวคนเดียว ไม่มีเพื่อนมาคอยถ่ายให้ ก็ใช้คำนี้บอกกับชาวญี่ปุ่นให้เค้าช่วยถ่ายรูปให้เราหน่อย ถ้าเค้าถ่ายเสร็จแล้วก็ตามด้วย อาริกาโตะ แค่นี้ก็มิชชั่นคอมพลีทแล้ว (แต่ถ้าไปในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ง่ายกว่านั้นคือพยายามจับน้ำเสียงคนที่คุยกันระแวกนั้น ถ้ามีเสียงดังล้งเล้งแล้วคุณฟังออก ก็แสดงว่านั่นแหละคนไทย ไปฝากให้พี่เค้าถ่ายให้นะถ้าขี้เกียจจำคำนี้)
7. O-susume no menu
อ่านว่า : โอ~ ซู-ซู-เมะ โนะ เม-นู
แปลว่า : เมนูแนะนำ, อะไรก็ได้, เอาเมนูที่อร่อยที่สุดมาจานนึง, สั่งไม่เป็น เอาอะไรก็ได้มากินจานนึง
คำนี้ถ้าเป็นภาษาอังกฤษจะอารมณ์ประมาณคำว่า Recommended Menu ใช้เอาตัวรอดกรณีที่คุณหลงไปในร้านอาหารญี่ปุ่น โดยทั้งร้านไม่มีภาษาอังกฤษหรือรูปภาพอยู่ในร้านหรือในเมนูเลยแม้แต่นิดเดียว แบบทั้งร้านมีแต่ Text ญี่ปุ่นล้วน ๆ โต๊ะข้างๆ แม่งก็ดันกินเสร็จแล้ว จะชี้ว่าเอาจานเปล่าก็ใช่ที่ ไม่ต้องกังวลไป ถ้าพนักงานเดินมารับออเดอร์ ก็บอกพี่เค้าไปเลย “โอ~ ซู-ซู-เมะ โนะ เม-นู” หรือถ้ากลัวจำไม่ได้ จะใช้แค่ “โอ~ ซู-ซู-เมะ” ก็ได้เช่นกัน (โอ~ ซู-ซู-เมะ แปลว่า แนะนำนั่นเอง) คือตูสั่งไม่เป็น เอาเมนูแนะนำของร้านมากินหน่อย หรือเอาอะไรก็ได้ที่คิดว่าตูกินได้มากินที่นึง แค่นี้ก็ไม่อดตายสำหรับมื้อนี้แล้วล่ะ
8. dozo
อ่านว่า : โด-โซ
แปลว่า : เชิญ, เชิญเลย, เชิญคุณก่อน, เอาก่อนเลย ตามบาย
ถ้าเป็นภาษาอังกฤษคำนี้จะประมาณว่าคำว่า After You (ไม่ใช่ร้านฮันนี่โทสนะ) คำนี้ใช้ในกรณีเดินเข้าไปในที่แคบพร้อมๆ กัน เช่นเข้าประตูร้านอาหาร เข้าลิฟท์ หรือกำลังต่อแถวในร้านมินิมาร์ท แล้วเราต้องการให้คนข้างๆ เราเดินไปก่อน ก็ให้ผายมือให้เค้าเดินไปก่อน และพูดคำนี้ออกมาได้เลย บางครั้งเราอาจได้ยินพนักงานญี่ปุ่นพูดใส่เราเวลาเข้าร้านอาหารบ้าง ซึ่งมักจะได้ยินพนักงานพูดเวลาเชิญไปที่โต๊ะ Hai Dozo ก็แปลว่า “เชิญมานั่งตรงนี้นั่นเองจ้า”
9. Hai
อ่านว่า : ไฮ้
แปลว่า : ใช่แล้ว, ได้เลย, โอเค, ครับ/ค่ะ , จัดไป, รับทราบ, เออ, ฮื่อ, อือ, อืม, งืม
คำนี้เป็นอีกคำที่ได้ยินกันบ่อยๆ ใช้พูดเวลาตอบรับได้ทุกกรณี อารมณ์แบบพนักงานถามเราว่าใช่อันนี้มั้ย จะเอาอันนี้ใช่ป่าว ? จะไปที่นี่ใช่ไหม ? ถ้าใช่ก็ให้ตอบไปสั้นๆ ว่า “ไฮ้” ได้เลย หรือบางครั้งเราจะได้ยินคนญี่ปุ่นพูดคำว่าไฮ้เพื่อตอบรับในสิ่งที่เราถามเช่นกัน เช่นสมมุติเราสั่งข้าวหน้าเนื้อหนึ่งที่ พนักงานที่จดออเดอร์ก็จะตอบรับเราว่า ไฮ้ ก็ให้เราก็ตอบรับเค้าไปว่า “ไฮ้” เค้าก็จะตอบกลับเรามาว่า “ไฮ้” ถ้าคุณหิวข้าวแล้ว ให้หยุดพูดทันที ห้ามตอบว่า “ไฮ้” กลับไปอีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นต่างฝ่ายต่างตอบรับคำว่า “ไฮ้” กันไม่มีที่สิ้นสุด ผู้เขียนเคยโดนคำว่า “ไฮ้” ตอบสู้กับพนักงานไปสิบกว่ารอบ และยังไม่มีวี่แววจะจบลงง่ายๆ ทางทีดีแนะนำให้เราเป็นฝ่ายยอมจะดีที่สุด อย่าไปขัดขืนสู้เด็ดขาด มีเมื่อยปากแน่นอน
10. ie
อ่านว่า : อิ-เอ๊ะ
แปลว่า : ไม่, ไม่เป็นไร, ไม่ใช่, ไม่เอา, ไม่นะ, ไม่จริง, ม๊ายยยยยยย~
คำนี้เป็นคำตรงข้ามกับคำว่า “ไฮ้” ใช้ในกรณีปฎิเสธ หรือบอกปัดแบบกลายๆ เช่นสมมุติเวลาไปกินข้าว แล้วจู่ๆ พนักงานบอกว่า คุณเป็นลูกค้าคนที่ 100 ของวัน แถมข้าวให้คุณฟรีอีกหนึ่งชาม ถ้าคุณกินไม่ไหวแล้ว ก็ให้บอกไปว่า “อิเอ๊ะ” หรือจะใช้ปฎิเสธเวลาเดินเล่นแถวชินจูกุ แล้วจู่ๆ มีคนชวนคุณไปเที่ยวร้านคาราโอเกะหรือบาร์โฮส ถ้าคุณไม่อยากไปก็บอกเค้าว่า “อิเอ๊ะ” พร้อมทำมือเพื่อปฎิเสธได้เช่นกัน อย่าเผลอไปตอบรับว่า “ไฮ้” แบบเคยตัวเชียว ไม่งั้นได้กลับเข้าที่พักตอนพระอาทิตย์ขึ้นแน่นอน