ในปี 2018 ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย ไม่ใช่แค่ในบ้านเรา แต่ยังรวมไปถึงต่างประเทศด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวทางสังคม ภัยพิบัติ และบุคคลสำคัญ วันนี้ Mango Zero ได้รวบรวม 10 ข่าวต่างประเทศ ที่ทำเอาทั่วโลกสะเทือนไปตามๆ กัน มาให้ทวนความจำกันด้วย เด็กสาวนักเคลื่อนไหวสิ่งแวดล้อมวัย 15 ปี กับการพูดเตือนสติคนทั้งโลก ตัวแทนคนรุ่นใหม่ในเรื่องการแก้ไขปัญหาโลกร้อนตอนนี้ ชื่อของ เกรตา ธันเบิร์ก เด็กหญิงวัย 15 ปีชาวสวีเดน ที่โด่งดังจากการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมแก้ปัญหาโลกร้อน COP24 ครั้งที่ 24 ที่ผ่านมา เธอได้กล่าวตำหนิว่าปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่ผู้ใหญ่ทิ้งไว้ให้กับคนรุ่นหลัง “พวกคุณไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะยอมรับความจริง และทิ้งปัญหาไว้ให้กับพวกเรา เด็กๆ ทั้งหลาย” บางส่วนของสุนทรพจน์ของเกรตา ธันเบิร์กในที่ประชุมภาคีแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 24 เกรตาเป็นเด็กออทิสติกซึ่งมีความสนใจเฉพาะทาง ซึ่งสิ่งที่เธอสนใจก็คือปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตลอด 6 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่เธออายุ 9 ขวบ) และเธอยังอยู่เบื้องหลัง การลุกขึ้นประท้วงของเยาวชนในหลายประเทศ หรือที่เรียกว่า School Strike for the Climate Movement เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้นักการเมืองหันมาใส่ใจแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง สึนามิถล่มอินโดนีเซีย ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ผู้บาดเจ็บกว่า 1,000 คน เมื่อไม่ผ่านมานี้วันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา คลื่นยักษ์สึนามิได้พัดถล่มหมู่บ้านรอบภูเขาไฟ อะนัก กรากาตัว ซึ่งคาดการณ์ว่าสาเหตุของคลื่นยักษ์นี้เกิดจากการปะทุขึ้นของภูเขาไฟ อะนัก กรากาตัว ทำให้เกิดดินถล่มใต้ทะเลนั่นเอง ซึ่งภัยธรรมชาติครั้งนี้ได้คร่าชีวิตคนไปกว่า 400 คน และผู้บาดเจ็บมากกว่า 1,000 คน ซึ่งตอนคลื่นยักษ์ถล่มนั้นเป็นช่งวันหยุดพักผ่อนของชาวอินโดนีเซีย และแทบไม่มีสัญญานเตือนภัยว่าจะเกิดสึนามิเลยทำให้ผู้คนไม่ได้เตรียมตัวหลบหนี ซึ่งนอกจากจำนวนผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ คลื่นยักษ์ยังสร้างความเสียหายในวงกว้าง ทำลายอาคารบ้านเรือนหลายร้อยหลัง ถอนรากถอนโคนต้นไม้ในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง เช่น ย่านที่พักตากอากาศในเมืองตันจุง เลซุง ทางตะวันตกของเกาะชวา สึนามิเมื่อเดือนธันวาคมไม่ใช่ภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ครั้งเดียวภายในปี 2018 แต่ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็เกิดสึนามิครั้งใหญ่ขึ้นเช่นกันซึ่งได้คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 2,000 คนเลยทีเดียว เพราะภูมิประเทศที่ตั้งอยู่บนวงแหวนแห่งไฟ การเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟจึงเป็นเรื่องที่ชาวอินโดนีเซียต้องประสบอยู่บ่อยครั้ง ฟ่าน ปิงปิง หนีภาษี ก่อนโชว์จ่ายคืนทั้งหมดภายในสองวัน ซูเปอร์สตาร์ดังของจีน ที่มีค่าตัวสุดโหด “ฟ่าน ปิงปิง” ซึ่งเมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา เธอมีค่าตัวจากการปรากฎตัวในซีรีส์เรื่องหนึ่งถึง 30 ล้านหยวน !! นอกจากนี้เธอยังเป็นคนดังในจีนซึ่งมีรายได้สูงสุดด้วยค่าตัวประมาณ 1,440 ล้านบาท ซึ่งเธอติดอันดับนี้มา 4 ปีแล้วด้วย หลังจากเธอได้หายตัวไปหลายเดือน โดยมีข่าวลือระบุว่าเธอถูกกักกันในข้อหาลักลอบภาษี จนกระทั่งทางการจีนออกมาประกาศตัดสินโทษว่าเธอมีความผิดหลบเลี่ยงภาษีจริง และต้องเสียภาษีย้อนหลังรวมทั้งค่าปรับต่างๆ เป็นเงินกว่า 4,200 ล้านบาท เธอได้โพสต์ขอโทษกับสังคมในโซเชียลมีเดียของเธอ ดังนี้ “ฉันได้เผชิญกับความเจ็บปวดอย่างไม่เคยประสบมาก่อนในชีวิต ช่วงที่ผ่านมาได้คิดทบทวนต่อการกระทำที่ตัวเองได้ทำลงไปแล้วรู้สึกละอายใจมาก และขอโทษทุกๆคนอย่างจริงใจจริงๆ” “หลายปีมานี้ ฉันไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ สังคม เอาแต่ประโยชน์ตนเป็นหลักโดยใช้เล่ห์อุบายแบ่งแยกสัญญาค่าจ้างรายได้ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สรรพากรได้สอบสวนฉันและตรวจสอบบริษัทของฉัน ระหว่างนั้นฉันได้ทบทวนตัวเองและรู้สึกละอายใจมาก ในฐานะ “บุคคลสาธารณะ” จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และเป็นแบบอย่างที่ดีของวงการและสังคม ไม่หลงละโมบไปกับผลประโยชน์ก้อนใหญ่ ย่อหย่อนในการดูแลจัดการธุรกิจ จนเข้าขั้นฝ่าฝืนกฎหมาย ดังนั้น จึงขออภัยจากสังคม เพื่อนๆที่รักและห่วงใยฉัน ประเทศชาติ และกรมสรรพากร”“หลังจากที่เจ้าหน้าที่สรรพากรได้ดำเนินการตรวจสอบฯแล้วเสร็จ ฉันยินดีรับโทษทุกประการ ทั้งจ่ายภาษีชดเชย และค่าปรับ” หลังจากนั้นสองวันเธอก็ได้ชดใช้ค่าภาษีและค่าปรับครบถ้วน จากกำหนดเวลา 15 วัน …. ช็อกกว่าค่าภาษีก็คงที่เธอรวยจริงอะไรจริงสี่พันล้านไม่ได้ทำให้เธอสะทกสะท้านแต่อย่างใด พิธีเสกสมรสแห่งปีเจ้าชายแฮร์รี่ – เมแกน มาร์เคิล พิธีเสกสมรสสุดยิ่งใหญ่ที่ทั่วโลกจับตามอง เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ของเจ้าชายแฮรี่แห่งราชวงศ์อังกฤษ ทั้งความยิ่งใหญ่ของพิธีการของงานแต่งที่มีความเป็นอนุรักษ์นิยมและเรื่องราวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ทั้งประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายงานแต่งงาน, ข่าวลือเรื่องเบื้องหลังครอบครัวของเมแกนและการที่เธอเป็นหญิงสาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันที่เคยผ่านการสมรสมาแล้วด้วยทำให้มีข่าวกอสสิปเกี่ยวกับเธอเกิดขึ้นอย่างมากมาย ในช่วงเวลาก่อนการแต่งงาน พิธีจัดขึ้นที่โบสถ์เซนต์จอร์จ ภายในพระราชวังวินด์เซอร์ ใกล้กรุงลอนดอนซึ่งมีดาราดังและเซเลบมาร่วมงานมากมากว่า 600 คน การประชุมครั้งประวัติศาตร์ และการเปลี่ยนแปลงของเกาหลีเหนือ ในเดือนมิถุนายนได้เกิดการประชุมระหว่างสองผู้นำ ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน โดยผู้นำทั้งสองได้ลงนามในเอกสารเพื่อ ปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสิ้นเชิงบนคาบสมุทรเกาหลี” รวมทั้งเอกสารที่รับรองความสัมพันธ์ใหม่ของทั้งสองประเทศด้วย โดยรูปที่ทั้งสองจับมือกันยังเป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่ขนาดนางงามจักรวาลประเทศสิงคโปร์ยังใช้ภาพเหตุการณ์นี้มาอยู่ในชุดประจำชาติด้วย ซึ่งการประชุมครั้งที่สองระหว่างนายทรัมป์และคิม จอง อึน มีกำหนดการอยู่ที่ต้นปี 2019 ในปีนี้ประเทศเกาหลีเหนือได้มีการเปลี่ยนแปลงเข้ามาสู่ยุคใหม่ ออกมาแสดงถึงความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเกาหลีใต้ เห็นได้จากการประชุมสุดยอดสองเกาหลีและการร่วมลงนามในข้อตกลงหลายฉบับในกรุงเปียงยาง ทั้งยังมีแผนจะจัดโอลิมปืคร่วมกันในปี ค.ศ. 2032 อีกด้วย เราจึงได้เห็นภาพ นายมุน แจ อิน ผู้นำเกาหลี และ คิม จอง อึน จับมือกันอยู่บ่อยครั้ง เมื่อไม่นานมานี้ทางเกาหลีเหนือ – ใต้ยังพึ่งเปิด เชื่อมถนน – รถไฟระหว่างสองประเทศอีกด้วย สแตน ลี ตำนานซูเปอร์ฮีโร่ Marvel เสียชีวิต ผู้ให้กำเนิดตัวละครซูเปอร์ฮีโร่มากมาย “สแตน ลี” เสียชีวิตด้วยวัย 95 ปี โดยคาดว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากปัญหาสุขภาพ สแตน ลีเริ่มทำงานกับ มาร์เวล คอมมิคส์ ตั้งแต่ปี 2482 (เดิมใช้ชื่อ ไทม์ลี พับลิเคชันส์) ลีและนักวาดคนอื่นได้ช่วยกันกำเนิดตัวละครดังที่เราหลงรักมากมายไม่ว่าจะเป็น สไปเดอร์แมน, แบล็คแพนเธอร์, เดอะฮัลค์. เอ็กซ์-เม็น, ไอรอนแมน, ทีมอเวนเจอร ฯลฯ นับเป็นเวลากว่า 50 ปี ที่สแตน ลีได้สร้างสรรค์จินตนาการให้เราได้สนุกสนานและเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั้งโลก ลูกสาวผู้ก่อตั้งหัวเหว่ยโดนจับข้อหาลอบทำธุรกิจกับอิหร่าน นางเมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินบริษัท หัวเหว่ย บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของโลก และลูกสาวของผู้ก่อตั้งถูกจับในนครแวนคูเวอร์ของแคนาดา ระหว่างเปลี่ยนไฟลต์โดยสาร เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา จากข้อหาละเมิดกาคคว่ำบาตรที่สหรัฐอเมริกาที่มีต่ออิหร่าน (ห้ามค้าหรือส่งออกอุปกรณ์ใดๆ ไปยังอิหร่าน) การจับกุมนี้อาจกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ความบาดหมางระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนรุนแรงขึ้นอีกระลอก ทางด้านสถานทูตจีนในประเทศแคนาดาได้ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของรัฐาลแคนาดา พร้อมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว เมิ่ง หว่านโจว ทางด้านหัวเหว่ยได้ออกมากล่าวว่า ไม่เคยละเมิดกฎหมายและนโยบายการควบคุมการส่งออกและมาตรการคว่ำบาตรโดยสหประชาชาติ, สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป บอลโลกแบบเหงาๆ ฝรั่งเศสได้แชมป์ ฟุตบอลโลกที่จัดขึ้นทุก 4 ปี ปี 2018 นี้ก็วนกลับมาอีกครั้งโดยมีประเทศรัสเซียเป็นเจ้าภาพ ซึ่งนับว่าเป็นการจัดครั้งแรกของรัสเซียและยุโรปตะวันออก ซึ่งฟุตบอลโลกปีนี้ก็มีเรื่องเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นมากมายทั้งทีมประเทศตัวเต็งที่ทยอยตกรอบกันแต่แรกๆ ทั้ง อิตาลี, สเปน, อาร์เจนตินา และประเทศที่เกิดคาดอย่างโครเอเชียที่เป็นทีมขวัญใจคนดู เพราะเลือดความเป็นนักสู้ และผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้อย่างเหนือคาด แต่สิ่งนอกเหนือจากเรื่องราวมากมายในฟุตบอลโลกปีนี้ น่าจะเป็นกระแสความเงียบของฟุตบอลโลกที่ในกระแสโลกโซเชียลค่อนข้างเงียบเหงากว่าที่ใครหลายคนคาดไว้ หลังจากที่ทีมชาติฝรั่งเศสได้แชมป์กระแสก็หายไปอย่างรวดเร็ว ประท้วงที่ฝรั่งเศส ปิดหอไอเฟล เมื่อประชาชนไม่พอใจนโยบายรัฐบาล เรื่องเริ่มต้นจากนโยบายภาษีน้ำมันของรัฐบาล ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ซึ่งวางแผนขึ้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ราคาน้ำมันดีเซล ปรับขึ้นถึงร้อยละ 23 ตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา จนมีราคาเฉลี่ยถึง 1.51 ยูโรต่อลิตร ซึ่งเป็นอัตราสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2000 ประชาชนเรียงร้องให้ประธานาธิบดีมานูเอง มาครง ลาออกโดยเริ่มแสดงความไม่พอใจด้วยการปิดกั้นคลังน้ำมันที่ท่าเรือ Fos-sure-Me ทำให้สถานีน้ำมันทั่วประเทศไม่มีน้ำมันจัดจำหน่าย การประท้วงต่อต้านนโยบายนอกจากปิดสถานีน้ำมันแล้ว ยังมีการรวมตัวกันที่ถนนฌองเซลีเซ ซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยวของโลก และมีการเดินชบวนชุมนุมประท้วง ลุกลามไปตามเมืองต่างๆ กว่า 2,000 จุด โดยมีสัญลักษณ์ของผู้ประท้วงก็คือใส่เสื้อกั๊กเหลือง หรือเรียกอีกชื่อว่า “กลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง” โดยคาดว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมกว่า 300,000 คน และมีการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน และผู้ชุมนุมถูกเจ้าหน้าที่จับกว่า 400 คน และในวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมาได้มีการประกาศปิดหอไอเฟลอีกด้วย และยังมีนัดการชุมนุมอีกเรื่อยๆ Facebook ข้อมูลรั่ว ภาพโดนแฮก เมื่อ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กประกาศผ่านบล็อกว่าผู้ใช้จำนวนกว่า 6.8 ล้านคน ถูกเข้าถึงรูปถ่ายผ่านทางแอปพลิเคชัน 1,500 แอปฯ และบริษัทพัฒนาโปรแกรม 876 เจ้า และในต้นปี 2018 ยังมีการถูกเข้าถึงข้อมูลจากกรณีบริษัทให้คำปรึกษาทางการเมือง เคมบริดจ์ อะนาลีติกา (Cambridge Analytica) ที่เป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลที่ทำงานในแคมเปญหาเสียง เลือกตั้งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2559 สามารถรวบรวมข้อมูลผู้ใช้ Facebook ได้โดยไม่ได้รับความยินยอม และนำข้อมูลที่เก็บได้นี้ออกไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กถูกสภาคองเกรสเรียกตัวชี้แจงถึงปัญหาต่างๆ และในเดือนตุลาคมผู้ใช้กว่า 30 ล้านคนยังถูกล้วงข้อมูลจากฟีเจอร์ View As (ที่ใช้ตรวจเช็กหน้าตาโปรไฟล์หน้าตาของเราในมุมมองผู้ใช้คนอื่น)